รรท.ผบ.ตร. แถลงสรุปกรณีรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนเกิดเพลิงไหม้
1 min readผู้สื่อข่าว
หนังสือพิมพ์ อินไชด์โปลิศไทม์ รายงานจาก
เมื่อ วันนี้ (2 ตุลาคม 2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงความคืบหน้าคดีอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับส่งนักเรียนทัศนศึกษา ณ ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ ตำรวจภูธรภาค 1 โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. , พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร. และ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมแถลง โดยก่อนการแถลงข่าว รรท.ผบ.ตร.ได้เรียนเชิญทุกท่านร่วมยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
สืบเนื่องจากเหตุผู้ขับขี่หลบหนี จากกรณีวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนมีผู้เสียชีวิตจำนวน 23 ราย และบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้ง ศปก.ส่วนหน้า ที่บริเวณศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง ในการบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน ควบคุม สั่งการ และประสานการปฏิบัติกับหน่วย เพื่อช่วยเหลือและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้สั่งการให้ทุกส่วนร่วมบูรณาการอย่างใกล้ชิด
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลทั้ง 23 รายเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างออกรายงานรับรองการเสียชีวิต และใบมรณะบัตร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อำนวยความสะดวกโดยจัดรถตำรวจทางหลวง และตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนและอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง พร้อมส่งกลับภูมิลำเนาที่ จ.อุทัยธานี และจัดการดูแลอำนวยความสะดวกให้บริการ พร้อมดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่
สำหรับผู้ขับขี่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ ภ.จว.ปทุมธานี และ บก.สส.ภ.1 เร่งรัด กดดัน ติดตามจับกุมตัวผู้ขับขี่ จนเมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม 2567) เวลา 19.30 น. จึงได้ร่วมจับกุมผู้ขับขี่
รถคันดังกล่าว แล้วนำตัวมาสอบสวนยัง สภ.คูคต และได้แจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทหรือ
น่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรคสอง ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้ ณ สภ.คูคต เตรียมที่จะนำตัวไปฝากขัง โดยทางคดีพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติ สอบพยานที่เกี่ยวข้องแล้วหลายปาก, วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ , ภาพบันทึกกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะ ผลตรวจพิสูจน์สภาพรถคันเกิดเหตุทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบตามกฎหมายต่อไป
ทางรถบัสคันเกิดเหตุ สพฐ.ตร.ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตรวจสภาพและรายละเอียด
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ในเบื้องต้นพบว่ารถบัสคันดังกล่าวมีถังแก๊สเชื้อเพลิงจำนวน 11 ถัง พบเบื้องต้นจดทะเบียนถูกต้องเพียง 6 ถัง ส่วนที่เหลือ 5 ถัง ไม่อยู่ในรายการ จดแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป หากพบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนในการกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
ท้ายนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอความกรุณางดเผยแพร่ภาพ แชร์ภาพ แชร์คลิป ผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว