พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ประสานงานตำรวจมาเลเซีย ส่งตัวผู้ต้องหาค้ามนุษย์ 4 ราย ตามสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน
1 min readจากกรณีเมื่อประมาณเดือน พ.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพบศพผู้เสียชีวิตและศพที่ถูกฝังไว้
รวมกันกว่า 30 ศพ บริเวณแคมป์คนงานกลางป่าบนเขาแก้ว ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์อ.สะเดา
จ.สงขลา และยังขยายผลพบหลุมศพในพื้นที่รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซียอีกจำนวน 180 ศพ จากการสืบสวนทราบว่าทั้งหมดเป็นศพของชาวโรฮินจา ที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบซ่อนบริเวณค่ายกักกันดังกล่าว เพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ซึ่งมีการจับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องหาซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทหาร ตำรวจ และนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการดำเนินคดีค้ามนุษย์ที่สหพันธรัฐมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งทางการมาเลเซียได้มีการออกหมายจับและหมายแดงตำรวจสากล รวมทั้งประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา ตามที่สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลนำเสนอแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.ศพดส.ตร. ในช่วงปี 65 ที่ผ่าน
มา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร. ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามที่ได้รับการประสานความร่วมมือจากทางการ
มาเลเซียจากจำนวนทั้งหมด 9 ราย สามารถติดตามจับกุมได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. นายสมพล อาดำ สัญชาติไทย
2. นายบุญเย็น นีซาละห์ สัญชาติไทย
3. นายอรุณ แก้วฟ้านอก สัญชาติไทย
4. นายเจ๊ะปา ลาปีอี สัญชาติไทย
หลังจากเจ้าหน้าที่ ศพดส.ตร. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วนั้น ทางการมาเลเซียได้ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ตามกฎหมาย และศาลได้มีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซียตามคำร้องขอ ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้เดินทางมายังสนามบินดอนเมือง เพื่อมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งมอบตัวในครั้งนี้
ซึ่งเป็นไปตามสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งไทยและมาเลเซียได้มีพันธสัญญากัน โดยประเทศไทยนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนประเทศอื่นๆ มากกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า หลังจากที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานงานจากทางการ
มาเลเซีย ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ซึ่งได้กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 58 ต่อเนื่องทั้งในมาเลเซียและประเทศไทย ซึ่งต่อมาสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไทยได้จำนวน 4 ราย ทางการมาเลเซียจึงได้ทำเรื่องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน วันนี้ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซียแล้ว นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับชาติที่สำคัญอีกครั้งระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งได้ประสานความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานและจะสานต่อความร่วมมือนี้ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพต่อไป