24 ธันวาคม 2024

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 (เครือข่ายการค้าเฮโรอีนข้ามชาติผู้สั่งการชาวเมียนมา)

1 min read

———————————————
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พลตำรวจโท
ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายอภิกิต ฉ. โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส.,
นายปาทริก มีอูบ (Mr. Patrick MIHOUB) เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านศุลกากร ประจำสถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย, นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 5, พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงรายพล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส., พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.ท.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก แถลงผลปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 5 จังหวัด 11 จุดปฏิบัติการ (จ.เชียงราย 7 จุด/ จ.พิษณุโลก 1 จุด/ กทม. 1 จุด/ จ.นนทบุรี 1 จุด/ จ.ชลบุรี 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 6 คน

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายการค้าเฮโรอีนข้ามชาติที่มีผู้สั่งการเป็นชาวเมียนมาสืบเนื่องจากคดีการจับกุมวันที่ 1 กันยายน 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมเฮโรอีน 91.7 กิโลกรัม เหตุเกิดที่โกดังในพื้นที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนยาเสพติด
ในรถกระบะดัดแปลงทำช่องลับ โดยลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 5.5 ล้านบาท ตนจึงได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลเครือข่ายดังกล่าวให้ถึงระดับผู้สั่งการ รวมถึงสืบหาทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ผู้สั่งการเป็นชาวเมียนมา เคลื่อนไหว/อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย มีภรรยาเป็นชาวไทย ใช้ภรรยาและบุคคลอื่นถือครองทรัพย์สินแทน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติหมายจับรวม 6 คน คือ นาย ไอ ยี ซอ ชาวเมียนมา มีบทบาท เป็นผู้สั่งการ ลำเลียงเฮโรอีน 91.7 กิโลกรัม และบุคคลในเครือข่ายอีก 5 คน ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมขบวนการในการลำเลียงเฮโรอีนโดยรับคำสั่งการจาก นาย ไอ ยี ซอ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบหาทรัพย์สินของบุคคล ที่ถูกออกหมายจับ/ บุคคลที่เกี่ยวข้อง จนนำมาซึ่งการเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 สำนักงาน ป.ป.ส. จึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยบังคับใช้กฎหมาย (ตำรวจ, ทหาร) รวมกำลังพลกว่า 200 นาย ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นภายใต้ ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 ในพื้นที่ 5 จังหวัด 11 จุดปฏิบัติการ (จ.เชียงราย, จ.พิษณุโลกกทม.,จ.นนทบุรี, จ.ชลบุรี) สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน ได้แก่ น.ส.แสงเพชร นายสาม (เชียงราย) และ นายนิวัตร (ชลบุรี) ทั้งนี้ได้ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 101 ล้านบาท อาทิ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่นา ทองคำ เงินสด เงินในบัญชี รถยนต์ ฯลฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้าซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติดตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ดังที่ผ่านมาเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี เปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย จับกุมบุคคลตามหมายจับรวม 4 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 66 ล้านบาท โดยในครั้งนี้ ปฏิบัติการ
ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 2 ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พิษณุโลก กทม. จ.นนทบุรี และ จ.ชลบุรี จับกุมบุคคลตามหมายจับรวม 3 คน ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 101 ล้านบาท

สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ถึงระดับผู้สั่งการเพื่อจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สิน โดยเฉพาะผู้สั่งการที่มีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดจากต้นทางประเทศเพื่อนบ้าน และใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทย ตลอดจนใช้บุคคลชาวไทยถือครองทรัพย์สินแทน ยิ่งต้องเร่งดำเนินการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อตัดวงจรการค้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed