ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ “จับแก๊งต้มตุ๋น หลอกลงทุนลอตเตอรี่ออนไลน์” ความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท
1 min readตามนโยบายการบริหารราชการ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงมุ่งเน้น ให้มีการปราบปรามจับกุมบุคคลที่กระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยทำการโฆษณาชักชวนให้พี่น้องประชาชน เด็ก เยาวชน และผู้หลงเชื่อ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำการสืบสวนอย่างจริงจัง จนนำไปสู่การจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัดนั้น
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.สอท.1 ให้ดำเนินการตามนโยบายการบริหารราชการ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ทำการสืบสวนอย่างจริงจัง จนนำไปสู่ให้มีการปราบปรามจับกุมบุคคลที่กระทำความผิดต่อกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธธีร์ธร เพชรสิราสิงห์ รอง ผกก.3 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา จากการสืบสวนปรากฏพบว่า น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ ได้อธิบายตนเองว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายมีโควต้าลอตเตอรี่ราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป จำนวนใบละ 80 บาท สามารถนำลอตเตอรี่มาขายให้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับโชว์รูปภาพ นางสาวกัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ คู่กับกองลอตเตอรี่จำนวนมาก นำมาให้ดูภาพในโทรศัพท์ ผู้เสียหายจึงเกิดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีนายโต้ง “นายนิริศฯ” ซึ่งแอบอ้างว่าเป็นนายพล มาพร้อมกับ น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์ฯ ผู้ต้องหา
ในวันที่ 3 ธันวาคม 2667 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.1, บก.สอท.2 และ บก.สอท.3 ได้เปิดปฏิบัติการ “จับแก๊งต้มตุ๋น หลอกลงทุนลอตเตอรี่ออนไลน์” โดย น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์, นายพัชรีศิริ, นายพันธนงค์, นายวิษณุ, นางเรณู รวม 5 คน มีพฤติการณ์ชักชวนให้ประชนทั่วไปหลงเชื่อและร่วมลงทุน ซึ่งอธิบายว่าตนเองเป็นตัวแทนจำหน่ายมีโควต้าลอตเตอรี่ราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป จำนวนใบละ 80 บาท สามารถนำลอตเตอรี่มาขายให้เป็นจำนวนมาก อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.1 จึงได้เชิญตัวทั้ง 5 คนดังกล่าว มาพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ธธีร์ธร เพชรสิราสิงห์ รอง ผกก.3 บก.สอท.1 ณ ที่ตั้ง บก.สอท.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B ชั้นที่ 4 กรุงเทพฯ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1
โดยพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์ น.ส.กัณภาธิฌาณัศฐ์, นายพัชรีศิริ, นายพันธนงค์, นายวิษณุ และนางเรณู รวม 5 คน ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือข้อข้อมูลอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฎแก่ฏแคคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายผลประโรชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้น หรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืม หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป”
หนึ่งในผู้ต้องหากลุ่มนี้ ยังมีความเชื่อมโยงการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในพื้นที่ สน.ร่มเกล้า โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 110 ล้านบาท และ มีผู้เสียหายยื่นฟ้องต่อศาลเนื่องจากได้รับความเสียหายจากกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 170 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท