23 ธันวาคม 2024

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

ตัดนิ้วร้ายทิ้ง “รรท.ผบช.ภ.2” รับไม่ได้พฤติกรรมซ้ำเติมผู้เสียหายคดีออนไลน์ จับแล้ว “ส.ต.อ.” สภ.แสนสุข ตบทรัพย์หลักแสน หญิงวัย 70 ปี อ้างช่วยเอาเงินคืน รรท.จเรตำรวจแห่งชาติ – ผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดสอบปากคำ ให้ออกจากราชการแล้ว

1 min read

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท. ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ควบคุมตัว ส.ต.อ. ว. สังกัด สภ.แสนสุข จว.ชลบุรี แจ้งข้อกล่าว ในข้อหาทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 341 และ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา หลังก่อเหตุตบทรัพย์ผู้เสียหายเป็นหญิงวัย 70 ปี จากคดีฉ้อโกงซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นเงินกว่า 250,000 บาท โดย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบ และสอบปากคำด้วยตัวเองพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี โดยหลังสอบปากคำได้คุมตัวขอฝากขังต่อศาลจังหวัดชลบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัวขณะเดียวกัน ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วด้วย

“เรื่องนี้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้วพบการกระทำผิดจริง นิ้วไหนร้ายต้องตัดทิ้ง ตำรวจทำดีเราชื่นชม แต่ทำไม่ดีต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด กรณีนี้สั่งการกำชับต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่ตนมารับหน้าที่ รรท.ผบช.ภ. 2 เหตุเกิดในช่วงต้นเดือนตุลาคม ทันทีที่ทราบเรื่อง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี สั่งการให้ สภ.แสนสุข ตรวจสอบ และรายงานข้อเท็จจริง ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และดำเนินการทางคดีและทางวินัยมาโดยตลอด” รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า พ.ต.อ.ปัญจนนท์ วิจิตรโท ผกก.สภ.แสนสุข จว.ชลบุรี ได้ทำรายงานชี้แจง พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และให้ ส.ต.อ.นายดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ ศปก.สภ.แสนสุข โดยหลังทราบเรื่อง ทาง สภ.แสนสุข ได้เชิญผู้เสียหายมาพบและพูดคุย ซึ่งผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ว่าขอให้ทาง ส.ต.อ.หาเงินมาเพื่อคืนให้ครบถ้วน 250,000 บาท ก่อนดำเนินคดีเพราะเกรงว่าหากถูกดำเนินคดีทันทีจะไม่ได้รับเงินคืน พร้อมนัดหมายกำหนดเวลานัดรับเงินไว้แล้ว แต่ต่อมา ส.ต.อ.นายดังกล่าว หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ได้มารายงานตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ผู้เสียหายก็ไม่ได้รับเงินคืนตามที่นัดหมายไว้แต่อย่างใด ภ.จว.ชลบุรี จึงได้สั่งการให้ สภ.แสนสุข เร่งรัดออกหมายจับ ส.ต.อ.และติดตามจับกุมตัวมาเพื่อดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย

รรท.ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า พฤติการณ์ของ ส.ต.อ.นายนี้ เป็นสิ่งที่น่าละอาย ซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด มีหลักฐานชัดเจน โดยเหตุเกิดจากหญิง อายุ 70 เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข เรื่องถูกฉ้อโกงออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 2,300,000 บาท โดยได้พบกับ ส.ต.อ.นายนี้ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เสมียนเวรประจำวันรับแจ้งความ ส.ต.อ.ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหาย และบุตรชาย อ้างว่ามีเพื่อนอยู่ บช.สอท. รับผิดชอบคดีอาชญากรรมออนไลน์ต้องการจะช่วยเหลือโดยวิธีการเอาเกลือจิ้มเกลือ โดยอ้างว่าเคยช่วยนักศึกษาคนหนึ่งแล้วได้เงินคืน พร้อมยืนยันว่าเป็นวิธีที่ถูกกฎหมาย ทั้งนี้ผู้เสียหายต้องโอนเงินไปสำรองเงินในบัญชีไว้ก่อนเพื่อจะดึงงบสอบสวนออกมาไว้ก่อน และยังอ้างว่าเพื่อนเป็นพนักงานหลังบ้านของธนาคารแห่งหนึ่งอีกด้วย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ผู้เสียหายหลงเชื่อ วันที่ 10 ตุลาคม 2567 โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ ส.ต.อ.นายดังกล่าวจำนวน 150,000 บาท ต่อมา ส.ต.อ.ออกอุบายว่าต้องการเงินสำรองอีก 100,000 บาท ผู้เสียหายจึงโอนเงินเข้าบัญชีเดิมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 รวม 2 ครั้ง 250,000 บาท ต่อมาหญิงวัย 70 ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินคืน จึงได้สอบถามและทวงถามไปยัง ส.ต.อ. ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ ส.ต.อ.ซึ่งจากข้อมูลความผิดชัดเจน ต้องดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด พร้อมสืบสวนสอบสวนว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น ในส่วนคดีที่ผู้เสียหายถูกฉ้อโกงกำชับพนักงานสอบสวนเร่งรัดสอบสวนส่งประเด็นไปยังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และขอประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนหากได้รับความไม่เป็นธรรม หรือมีข้อสงสัยการปฏิบัติงานของตำรวจให้ติดต่อสอบถาม แจ้งเหตุมาที่ ผกก.ทุกสถานี ผบก.ภ.จว. หรือแจ้งมาที่ตำรวจภูธรภาค 2 ทางโทรศัพท์ หรือโซเชียลมีเดีย” รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed