ตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งหลอกข้าราชการบำนาญ อ้างช่วยเหลือรับเงินบำเหน็จดำรงชีพ สุดท้ายลวงติดตั้งแอปดูดเงิน สูญกว่า 5 แสนบาท
1 min read
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี
ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ใน
ฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุม
ผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
พนันออนไลน์ จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 21 ก.พ.68 เวลา 16.00 น. ณ ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.
ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท. รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์
คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว
ตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งหลอกข้าราชการบำนาญ อ้างช่วยเหลือรับเงินบำเหน็จดำรงชีพ สุดท้ายลวงติดตั้งแอป
ดูดเงิน สูญกว่า 5 แสนบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.68 ได้มีสามีของผู้เสียหายวัย 66 ปี ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการ Seniors’
Community Cyber Police และได้ร่วมรับฟังบรรยายจาก ผบช.สอท. โดยได้ขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกแก๊ง
คอลเซ็นเตอร์ลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน จนสูญเงินกว่า 540,000 บาท
โดยภรรยาวัย 66 ปี ได้รับโทรศัพท์ซึ่งโทรมาที่เครื่องของสามี โดยปลายสายเป็นหญิงแจ้งว่าเป็นอาจารย์ อ้างว่าสามี
ของตนยังไม่ได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพจากกองคลังของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง และจะช่วยลงทะเบียนให้เพื่อให้
ได้รับเงินบำเหน็จก้อนนี้ ผู้เสียหายจึงอาสาทำแทนสามี จึงได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์
มาทาง SMS ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ ชื่อ “กองบริหารการคลัง”
ต่อมาได้มีการวิดีโอคอล แต่ไม่ได้แสดงใบหน้าให้เห็นภาพของคนร้าย จากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลด อ้างว่าเพื่อ
ประสานกับกรมบัญชีกลางของกระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำเนินการต่อ ก่อนส่งอีกลิงก์ปรากฏรูปและข้อความว่า
“Digital Pension – แอปพลิเคชันใน Google play ระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล” ทำให้หลงเชื่อ
ว่าเป็นแอปพลิเคชันของกระทรวงการคลังจริง จึงได้ติดตั้งลงโทรศัพท์ โดยระหว่างติดตั้ง ระบบค้างอยู่ที่ 20% ระหว่างนี้
คนร้ายได้โทรไลน์มาพูดสายตลอด เป็นเวลาประมาณ 35 นาที เพื่อดึงดูดความสนใจ
ระหว่างนั้น สามีร่วมพูดคุยอยู่ด้วย คนร้ายจึงได้บอกให้ผู้เสียหายโอนเงินจากบัญชีของตนเข้าบัญชีธนาคารของภรรยา
เพื่อสะดวกแก่การตรวจสอบ และคนร้ายยังสอบถามเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหาย จึงมั่นใจว่าเป็นมิจฉาชีพและได้กด
วางสายไป ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือไม่สามารถทำรายการได้และไม่สามารถปิดเครื่องได้ ก่อนพบข้อความว่า
มีเงินถูกโอนออกจากบัญชีภรรยา จำนวน 540,000 บาท
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้ายแถวที่ 1 จำนวน 1 ครั้ง ชื่อบัญชี นายภูวนัยฯ
เป็นจำนวนเงิน 540,000 บาท และมีบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากผู้เสียหายอีกหลายบัญชี น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
การกระทำความผิด
ล่าสุดวันที่ 20 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุม นายภูวนัยฯ อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี
ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่
น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการ
เข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เกิดยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และ
เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้
เพื่อกิจการของตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง
เทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น” โดยควบคุมตัวได้บริเวณริมถนนเทศบาล 7 หมู่ 3 ต.โพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร
นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การว่าเมื่อช่วงต้นปี 2567 ได้รับการชักชวนจากเพื่อนแถวบ้านให้ไปเปิดบัญชี
เพื่อให้เว็บพนัน เจ้าตัวได้ตกลงไปเปิดบัญชีที่ กทม. และ สระแก้ว รวม 6-7 บัญชี ได้รับค่าจ้างบัญชีละ 500-1,000 บาทสำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับอีกรายของเครือข่ายดังกล่าว คือ น.ส.เด่นณภาฯ พบว่าถูกจับกุมในพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน โดยได้หลอกลวงเงินผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสุรินทร์ พ.ต.อ.อภิรักษ์ฯ จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่ออายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
*********************************************
ขอบคุณที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี