13 มีนาคม 2025

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

เลขา ป.ป.ส. เร่งฟื้นความร่วมมือไทย-อินเดีย ย้ำต้องร่วมกันใกล้ชิดมากขึ้นในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้เข้าสู่แหล่งผลิตยาบ้าในสามเหลี่ยมทองคำ

1 min read

เมื่อวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2568
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. หารือกับคณะผู้แทนอินเดีย นำโดย Mr. Anurag Garg อธิบดีสำนักงานควบคุมยาเสพติด (Narcotics Control Bureau: NCB) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นฟ้องที่จะรื้อฟื้นและกระชับความร่วมมือไทย-อินเดีย เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานควบคุมยาเสพติด สาธารณรัฐอินเดีย (Narcotics Control Bureau: NCB) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาในทางที่ผิด (Cooperation in Controlling Narcotic Drugs, Psychotropic Substances, their Precursors and Chemicals, and Drug Abuse) ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว วันที่ 30 มิถุนายน 2017 ซึ่งกำหนดกรอบความร่วมมือด้านยาเสพติดในภาพกว้าง ระบุขอบเขตความร่วมมือกันในทุกมาตรการ ทั้งด้านการลดอุปสงค์และอุปทานยาเสพติด การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด การตรวจพิสูจน์ยาเสพติด รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ทางวิชาการ แนวทางการปฏิบัติ และการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น เพื่อลดการลักลอบนำเข้าไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้เน้นย้ำสถานการณ์ปัญหาของประเทศไทยในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหายาบ้าที่เป็นปัญหาหลักของประเทศและสถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบไปในหลายภูมิภาค แม้ว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด ประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียงไอซ์ เฮโรอีน ไปยังประเทศที่สามเช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยจากข้อมูลการประมาณจำนวนประชากรผู้ใช้สารเสพติดของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2567 จากการสำรวจครัวเรือน โดยคณะกรรมการบริหารเครือข่ายองค์กรวิชาการสารเสพติด มีผู้ใช้สารเสพติดใน 1 ปี จำนวน 1.9 ล้านคน (ไม่รวมกัญชา กระท่อม และสารผสม) ผู้เสพ จำนวน 1.2 ล้านคน ผู้ติด จำนวน 3.3 แสนคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ยาบ้า คิดเป็นร้อยละ 82.4 นอกจากนี้ สารอีฟีดรีน (Ephedrine) และซูโดอีฟีดรีน (Pseudo-ephedrine) รวมไปถึงสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่มิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของอนุสัญญาสหประชาชาติ (non-controlled chemicals) เช่น คาเฟอีน เป็นส่วนผสมสำคัญของยาบ้า จึงเห็นควรร่วมมือกันควบคุมสารเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป โดยแม้ว่าอินเดียจะมีมาตรการป้องกันการรั่วไหลของเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นไปสู่แหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่เป็นระบบ แต่จากการที่เมียนมาจับกุมสารเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้นบริเวณชายแดนเมียนมาและอินเดีย เชื่อว่ายังคงมีช่องว่างที่ทำให้สารดังกล่าวสามารถเล็ดลอดเข้าไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างใกล้ชิดมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนากลไกความร่วมมือเพื่อควบคุมและสกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้ง นอกจากนี้ ฝ่ายอินเดียได้สะท้อนความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การลักลอบนำกัญชาจากประเทศไทยไปยังอินเดีย ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยในห้วงสองเดือนจับกุมได้ถึง 8 คดี ของกลางกัญชากว่า 50 กก. และแสดงความประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการติดตามขยายผลจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่กระทำความผิดและหลบหนีหมายจับของอินเดียรวมถึงการตรวจสอบยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงที่จะกำหนดผู้ประสานงานกลางเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการปราบปรามและหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกัน ในห้วงการประชุม  ทวิภาคีไทย – อินเดีย ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. มีกำหนดเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมทวิภาคีไทย – อินเดียฯ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันจันทร์ที่ 26 – วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed