พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แถลงสรุปผลการดำเนินคดี น้องต่อเด็กสูญหาย
1 min readพล.ต.อ.สุรเชษฐ์แถลงสรุปผลการดำเนินคดีเด็สูญหาย
พื้นที่สภ.บางหลวง – ดำเนินคดีผู้ต้องหา 4 ราย
จากกรณีเมื่อ วันที่ 5 ก.พ.66 เวลา 08.30 น. ได้มี น.ส.พิไลภรณ์ หรือ นิ่ม อายุ17 ปี และ
นายสิทธิโชค หรือ พุด อายุ19 ปี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางหลวง ภ.จว.นครปฐม ว่า
ด.ช.ต่อศักดิ์ หรือ น้องต่อ แสงสว่าง อายุ 8 เดือน ได้หายตัวออกจากบ้านไป โดยประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการ
สืบสวนติดตามตัวบุตรชายของตนกลับมาโดยปลอดภัย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น
หลังจากได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว พ.ต.อ.สุธีวรรณสูตร ผกก.สภ.บางหลวง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และออกค้นหาตัวน้องต่อ ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบได้พบข้อสงสัยมากมาย
จึงได้รายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หักพาล รอง ผบ.ตร. ทำการสืบสวนติดตามกรณีดังกล่าวเพื่อทำความจริงให้ปรากฏและตามหาตัว
น้องต่อกลับมาอย่างปลอดภัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จึงได้สั่งการให้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบช.ภ.7,
พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม ร่วมกับ ผกก.สภ.บางหลวง เข้าตรวจพื้นที่โดยละเอียดอีกครั้ง
โดยให้ความสนใจในทุกประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ของตัว บิดามารดา
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มทำการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง เช่น การตรวจสอบโถส้วม
ซึ่งพบรอยปูนใหม่ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติตรวจสอบบริเวณภายในบ้านที่เกิดเหตุ พบหมอนที่มีคราบเลือด นอกจากนี้ยัง
ได้กำหนดพื้นที่ค้นหาเป็นระยะไข่แดง-ไข่ขาว รวมเส้นผ่านสูญกลางระยะประมาณ 10 กม. แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
รวมทั้งยังได้นำเอาตัวพยานและผู้ต้องสงสัยมาสอบประกอบมากถึง 100 ปาก เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานที่ที่อาจพบ
ตัวน้องต่อได้แต่ยังไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม ต่อมาเมื่อวันที่27 ก.พ.66 น.ส.พิไลภรณ์ได้รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ว่า ตนได้ อุ้ม น้องต่อ แล้วมิได้ระมัดระวัง เป็นเหตุให้น้องต่อร่วงกระแทกพื้นจนถึงแก่ความตาย ตนจึงได้นำร่างของน้อง
ต่อไปไปทิ้งที่บริเวณ แม่น้ำท่าจีน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงตรวจสอบภายใน แม่น้ำท่าจีนและ ขุดลอกแม่น้ำ เป็นระยะทาง
มากกว่า 10 กม. แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.พิไลภรณ์ และ นายสิทธิโชค รวมทั้งผู้ต้องสงสัยไปตรวจ
เปรียบเทียบพบว่า ดีเอ็นเอของ นายสิทธิโชค ไม่ตรงกับน้องต่อ จึงได้สืบสวนเพิ่มเติมจนพบข้อเท็จจริงว่า นายสิทธิโชค
ได้มีการพาเอา น.ส.พิไลภรณ์ ไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ โดยมีผู้ซื้อบริการจำนวน 1 ราย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี
จากผลการสืบสวนทั้งหมดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 4 ราย
ประกอบด้วย
1. น.ส.นิ่ม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความ
ตาย, กระทำใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรเสร็จสิ้น และรู้ว่ามิได้มีการกระทำ
ความผิดเกิดขึ้นแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน
2. นายสิทธิโชค อายุ 19 ปี ดำเนินคดีฐาน เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อ
ไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง อายุ15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อ ไป ชักพาฯ
3. นายสุรชัย อายุ55 ปี ดำเนินคดีฐาน กระทำชำเราเด็ก อายุ ยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ ภริยา
หรือ สามี ของตนโดย เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอม หรือไม่ก็ตาม
4. นายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี ดำเนินคดีฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไป
เสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วยเพื่อหากำไรหรือเพื่อการ อนาจาร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการค้นหาตัวน้องต่อนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งจากการให้การที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง รวมทั้งการ
พิสูจน์ข้อสงสัยทั้งหมดให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และการตรวจสอบพื้นที่ในวงกว้างทั้งหมดเพื่อค้นหาร่องรอยที่อาจทำให้
พบตัวน้องต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามค้นหาและสืบสวนติดตามอย่างเต็มความสามารถ รวมทั้งยังได้สืบสวนขยาย
ผลจับกุมในข้อเท็จจริงที่พบเกี่ยวกับการนำเอาแม่น้องต่อไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ จึงได้สั่งดำเนินคดีตาม
กฎหมายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เพื่อสามารถตอบคำถามให้กับสังคมได้และให้มีความมั่นใจในการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ