พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งดำเนินคดีหนุ่มกล่าวอ้างเป็นทีมงานบิ๊กโจ๊ก ใช้อาวุธปืนบังคับขืนใจ สาวเอ็นเตอร์เทน หลังก่อเหตุยังส่งข้อความข่มขู่จนเหยื่อหวาดกลัว
1 min readจากกรณี เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.ออม (นามสมมติ) พร้อมสื่อมวลชน ได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ณ สโมสรตำรวจ
โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.66 น.ส.ออม ผู้เสียหาย ทำงานเป็นเด็กเอนเตอร์เทน ถูกว่าจ้างให้ไปให้บริการชงเหล้าและเอ็นเตอร์เทนให้กับกลุ่มลูกค้าในช่วงเวลาระหว่าง 22.00 – 04.00 น. ของอีกวัน ที่ห้อง VIP ของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งลูกค้ากลุ่มดังกล่าวอ้างว่าเป็นทีมงานของบิ๊กโจ๊ก โดยมีการแสดงภาพถ่าย ซึ่งปรากฏภาพผู้ต้องหานั่งร่วมโต๊ะกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เมื่อผู้เสียหายไปถึงมีบุคคลชื่อ นายเจต เป็นบุคคลในภาพซึ่งอ้างว่าเป็นทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ระหว่างการนั่งดื่มอยู่นั้น นายเจต มีการกล่าวอ้างถึงความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ พร้อมทั้งมีการแสดงอาวุธปืนให้ผู้เสียหายดู อีกทั้งยึดโทรศัพท์ของเด็กเอ็นเตอร์เทนทุกคนไว้ จากนั้นได้พาผู้เสียหายขึ้นไปบนห้องของโรงแรมพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้เสียหายให้ถอดเสื้อผ้าและมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยมีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้เพื่อแบล็คเมล์ผู้เสียหาย หลังจากเกิดเหตุแล้ว นายเจต มีการสั่งให้ผู้เสียหายและกลุ่มเด็กเอนเตอร์กลุ่มเดิม เข้ามาให้บริการอีก ซึ่งผู้เสียหายและกลุ่มเด็กเอนเตอร์ต้องจำใจไปตามที่นายเจตสั่ง เนื่องจากเกรงกลัวนายเจตที่กล่าวอ้างนายตำรวจระดับสูงและมีการพกพาอาวุธปืนตลอดเวลา อีกทั้งเมื่อเสร็จงานแล้ว นายเจตกลับจ่ายเงินค่าให้บริการแก่ผู้เสียหายเพียงบางส่วน มีการส่งข้อความและภาพการทำร้ายร่างกายบุคคลอื่นมาข่มขู่ผู้เสียหายอีก ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจะมีอันตรายต่อตนเองและบุคคลใกล้ชิด จึงได้เข้ามาพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลดังกล่าว
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ สน.บวรมงคล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ ดำเนินการสืบสวนนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นการกล่าวอ้างโดยใช้การถ่ายภาพกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อใช้ในการข่มขู่ให้ผู้อื่นเกรงกลัว อีกทั้งผู้ต้องหายังใช้อาวุธปืนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าว คือ นายวทัญญู วิริยะชโยทัย จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลอื่น ซึ่งได้กระทำโดยมีอาวุธปืน”
ต่อมาวันที่ 26 เม.ย. 66 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายวทัญญู หรือ นายเจต ได้ที่บริเวณบ้านพักในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย พร้อมตรวจค้นพบอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้จับกุม นายวทัญญูฯ ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร”
จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังสะพุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล ได้อายัดตัว นายวทัญญูฯ ตามหมายจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติของ นายวทัญญูฯ หรือ นายเจต พบว่า เคยต้องหาคดีอาญามาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง โดย ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2555 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ์ ที่ สภ.เมืองนนทบุรี และ ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2564 ถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอก ที่ สน.ตลิ่งชัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นบุคคลที่เคยมาขอความช่วยเหลือตน และได้มีภาพที่ถ่ายด้วยกัน แต่กลับนำภาพดังกล่าวไปใช้ในการกล่าวอ้างเพื่อข่มขู่ผู้อื่น อีกทั้งยังใช้อาวุธปืนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงได้สั่งการให้ตามจับมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์กล่าวอ้างชื่อหรือภาพของบุคคลอื่น รวมทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เพื่อไปกระทำการที่ผิดกฎหมาย
หากได้รับแจ้งหรือได้รับการร้องเรียนก็จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกราย และหากประชาชนพบเห็นพฤติการณ์ดังกล่าวสามารถแจ้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้ทางช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง