กรมศุลกากรชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กรณีการขายทอดตลาดนาฬิกาหรู
1 min readเมื่อวันนี้ วันที่ 11 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมศุลกากรได้ดําเนินการขายทอดตลาดของกลางประเภทนาฬิกาหรู จํานวน 13 เรือน เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ต่อมาพบว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ของปลอม) กรมศุลกากรได้สืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่า นาฬิกาหรู จํานวน 13 เรือน เป็นนาฬิกาเรือนเดิม ซึ่งกรมศุลกากรได้เก็บรักษาไว้ตั้งแต่วันที่มีการจับกุม โดยอ้างอิงจากหมายเลขกํากับของ (Serial No.)
โดยไม่ได้มีการสับเปลี่ยนนาฬิกาหรูดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขั้นตอนการตรวจสอบของกลางระหว่างตัวแทนสิทธิ และผู้ประสานงาน ของผู้จับกุมมีขั้นตอนที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสร้างความสับสนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กรมศุลกากร จึงขอเรียงเหตุการณ์ตามลําดับเวลาก่อนหลัง เพื่อชี้แจงทําความเข้าใจให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและภาคประชาชน รับทราบ ดังนี้
1) วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 กรมศุลกากรได้ตรวจยึดนาฬิกาดังกล่าว และได้ประสานงานไปยัง ตัวแทนสิทธิในประเทศไทย เพื่อดําเนินการตรวจสอบของกลางในคดี คือ นาฬิกาหรู จํานวน 13 เรือน
2) วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ตัวแทนสิทธิได้เข้าตรวจสอบของกลาง ณ กรมศุลกากร และต่อมา วันที่ 8 กันยายน 2565 ตัวแทนสิทธิได้แจ้งผลการตรวจสอบเป็นหนังสือต่อกรมศุลกากรว่า นาฬิกาหรูดังกล่าว เป็นของแท้
3) หน่วยงานผู้รับผิดชอบในการจําหน่ายของกลางของกรมศุลกากรได้ตรวจสอบเอกสารของ แฟ้มคดีว่ามีความครบถ้วนถูกต้องแล้ว โดยยึดหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจากตัวแทนสิทธิเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เป็นเอกสารหลักฐาน และในวันที่ 18 เมษายน 2566 กรมศุลกากรได้อนุมัติให้มีการระงับคดี และดําเนินการตามระเบียบว่าด้วยการขออนุมัติจําหน่ายของกลาง โดยได้ทําการขายทอดตลาดนาฬิกาหรู ดังกล่าว ในระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2566 ซึ่งผู้ประมูลได้มาติดต่อชําระเงินค่าของและรับมอบนาฬิกา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566
4) วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ผู้ประมูลได้มีความประสงค์ขอคืนของกลางที่ประมูลได้ และแจ้งว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของปลอม กรมศุลกากรจึงประสานตัวแทนสิทธิเพื่อตรวจสอบนาฬิกาที่จะคืนร่วมกัน ทเี่ป็นนาฬิกาชุดเดียวกันกับที่ตรวจยึดและตัวแทนสิทธิได้ยืนยันเป็นหนังสือว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา (ของปลอม) กรมศุลกากรจึงยกเลิกการขายทอดตลาดนาฬิกาหรูแฟ้มคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งคืนเงินที่ชําระทั้งจํานวน หรือเงินมัดจําให้แก่ผู้ประมูลทั้งหมด
กรณีดังกล่าว กรมศุลกากรได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหารือมาตรการ บังคับตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา กรณีตัวแทนสิทธิกระทําให้เกิดความ เสียหายต่อรัฐ และ/หรือบุคคลภายนอกผู้สุจริต เพื่อให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนสิทธิได้ใช้ความระมัดระวัง ในการดําเนินการตรวจสอบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ในอนาคตศูนย์ประสานงานทรัพย์สินทางปัญญาได้ประสานตัวแทนของตัวแทนสิทธิในประเทศไทย ได้ความว่าตัวแทนสิทธิมีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะใช้ความระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดความ ผิดพลาดในการประสานงานระหว่างตัวแทนสิทธิและกรมศุลกากรอีกในครั้งต่อไป
ดา้ นตัวแทนสิทธิท่ีเป็นบริษัทสํานักงานใหญ่ ประจําเมืองฮ่องกง มีหนังสือขอโทษต่อเหตุการณ์ ดังกล่าวและสอบสวนข้อเท็จจริงภายในได้ความว่า ตัวแทนของบริษัทฯ ที่ประเทศไทยดําเนินการตรวจสอบ ความผิดพลาดพร้อมแจ้งทบทวนแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบว่า หากมีการตรวจสอบสินค้าละเมิด เครื่องหมายการค้าที่มีความคล้ายคลึงกับสินค้าจริงมาก ตัวแทนสิทธิในประเทศไทยจะต้องประสานข้อมูลมาที่ บริษัทสํานักงานใหญ่ที่ฮ่องกงเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากเจ้าของเครื่องหมายการค้า และเน้นย้ําถึง ความสําคัญในการประสานงานกับกรมศุลกากรที่จะต้องจัดทําหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อไม่ให้เกิดความ ผิดพลาดขึ้นอีกในอนาคต
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กรมศุลกากร ได้ปรับปรุงแก้ไข ระเบียบในการปฏิบัติงานของกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการรับ การเก็บรักษา และการจําหน่ายของกลาง ประเภททรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าสูง ตามคําสั่งทั่วไปกรมศุลกากร ที่ 21/2566 เพื่อให้มีความรัดกุมมาก ยิ่งขึ้น โดยในขั้นตอนการส่ง-รับของกลาง ให้เพิ่มเติม โดยใหม้ ีการระบุเครื่องหมายกํากับของนั้นๆ (Serial No.) อย่างครบถ้วน
ในส่วนของขั้นตอนการตรวจสอบของกลางจะมีการกําหนดขั้นตอนไว้ชัดเจน จากเดิม กําหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้นําส่งของกลางหรือผู้จับกุมจะต้องแจ้งให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนฯมาทําการตรวจสอบ และรับรองว่าเป็นของที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก่อนและเมื่อดําเนินการเสร็จแล้ว ให้นําส่งและรับของกลาง ต่อไป แก้ไขเพิ่มเติม โดย กําหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้นําส่งของกลางตรวจสอบว่าของดังกล่าวเป็นของที่ละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ โดยแจ้งให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนทําการตรวจสอบและรับรองให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่จับกุม และหากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนไม่สามารถรับรองได้ภายในระยะเวลา ดังกล่าว ให้ผู้นําส่งของกลางจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่มีส่วนได้เสียมาตรวจสอบและรับรองภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลจากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนหรือเมื่อพ้นกําหนดระยะเวลา 45 วัน ในขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนให้ถือว่าของกลางดังกล่าวเป็นของละเมิด
สําหรับขั้นตอนในการขายทอดตลาด ให้เพิ่มเติม ในกรณีของกลางที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูง เช่น นาฬิกา กระเป๋า เครื่องเพชร หรือทองรูปพรรณ หากจะทําการขายทอดตลาด จะต้องมีเอกสารแสดงผล การตรวจสอบจากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทน ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่น่าเชื่อถือประกอบการพิจารณาก่อน จําหน่ายทุกครั้ง อีกทั้ง กรณีผู้ที่เข้าร่วมประมูลของกลางที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง ก็ได้กําหนดให้ควรมีผู้ที่ เชี่ยวชาญหรือผู้ที่น่าเชื่อถือในการตรวจรับมอบก่อน