แถลงข่าวจับกุมแก๊งค์ “ดาว บางแค” ลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ได้ตัวผู้ต้องหา 2 ราย
1 min read
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รรท.ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.วชิราภรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน แถลงข่าวจับกุมแก๊งค์ “ดาว บางแค” ลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ได้ตัวผู้ต้องหา 2 ราย โดยสามารถตรวจยึดของกลางรถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 7 คัน ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้นำของกลางที่ตรวจยึดมาได้ รวมทั้งเครื่องแต่งกาย อาวุธปืน และเครื่องกระสุน มาจัดแสดงประกอบการแถลงข่าว
โดยขบวนการนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายอภินัทธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง และนายณัชธฤต (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี จับได้ซึ่งหน้าขณะรับของโจร นอกจากนี้มีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 รายอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการออกหมายจับต่อไป ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร
ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้ นอกจากรถจักรยานยนต์ 7 คันและรถกระบะอีก 1 คัน ยังตรวจพบอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุน รวม 203 นัด อีกด้วย
สำหรับคดีดังกล่าว เริ่มต้นจากตำรวจ สน.คลองตัน ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จึงได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนสามารถทราบตัวคนร้ายคือ นายอภินัทธ์ จึงได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ
ภายหลังที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในเขตบางแค จึงได้ขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา พบตัวนายณัชธฤต เป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าวและตรวจพบรถจักรยานยนต์ Honda Wave 125i 1 คัน และสามารถติดตามจับกุมนายอภินัทธ์ได้ขณะนอนพักอยู่บนชั้น 3 ของบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกันนี้ได้สามารถตรวจยึดอาวุธปืนมีทะเบียนจำนวน 2 กระบอกของนายอภินัทธ์และเครื่องกระสุนต่าง ๆ จำนวนมาก
จากการสืบสวนขยายเพิ่มเติม พบว่าพฤติการณ์ของคนร้ายนั้น ได้กระทำความผิดเป็นขบวนการ โดยมีนายบุญคงคา หรือดาว เป็นตัวการใหญ่ทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ มอบหมายให้นายอภินัทธ์ และนายสมยศ ไปก่อเหตุรับรถจักรยานยนต์ทุกคืน คืนละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 1-2 คันทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพื้นที่เป้าหมายจะอยู่ตามหอพัก ตลาด หรือรถที่จอดอยู่ริมถนน ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ไม่ได้รับการล็อคคอหรือคล้องโซ่เพื่อความปลอดภัย
จากนั้น นายอภินัทธ์จะใช้ไขควงตัวทีแทงเข้าที่เบ้ากุญแจ เพื่อสตาร์ทรถแล้วขับหลบหนี จากนั้นจะนำรถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้ มาเก็บพักไว้ที่บ้านพักของนายณัชธฤตย่านบางแค ก่อนจะทำการเปลี่ยนบล็อกกุญแจ แล้วนายณัชธฤตจะเป็นผู้ติดต่อนายริน ชาวเมียนมาร์ เพื่อประเมินราคารถจักรยานยนต์ เมื่อตกลงกันได้แล้ว นายรินก็จะโอนเงินเข้าที่บัญชีนายนายอภินัทธ์ คันละ 28,000 – 30,000 บาท ก่อนที่นายอภินัทธ์จะนำเงินไปแจกจ่ายนายบุญคงคา 20,000 บาท และกระจายส่วนแบ่งให้กับนายสมยศ 10,000 บาท และนายณัชธฤต 5,000 บาท ต่อครั้ง
หลังจากนั้น นายอภินัทธ์จะติดต่อให้นายประสาน นำรถกระบะโตโยต้า วีโก้ที่มีตู้ทึบ สีขาว ขับมารับรถจักรยานยนต์ที่ลักมาบริเวณบางแค เพื่อนำรถจักรยานยนต์ไปส่งที่ชายแดน จ.กาญจนบุรี โดยนายประสานจะมารับรถจักรยาน 2 วันครั้ง สามารถขนได้ครั้งละ 2 คัน ก่อนที่จะนำรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปส่งมอบให้นายรินบริเวณชายแดนประเทศเมียนมาร์ โดยนายประสานจะได้ค่าจ้างขนส่งคันละ 2,000 บาทจากนายริน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดมอเตอร์ไซค์ที่ถูกลักทรัพย์โดยขบวนการเหล่านี้ตามบ้านพักอาศัยของกลุ่มขบวนการ จำนวน 7 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่ถูกแจ้งหายไว้ตาม สน.ต่าง ๆ ของนครบาล รวมทั้งสามารถตรวจยึดรถกระบะ Toyota ที่ใช้ลำเลียงรถจักรยานยนต์ไปส่งบริเวณชายแดนได้ด้วย โดยขณะนี้ผู้ก่อเหตุอีก 4 รายที่เหลือ อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า โดยเฉลี่ยแล้วขบวนการดังกล่าว น่าจะลักรถจักรยานยนต์มากถึง 30 คันต่อเดือน เพราะได้กระทำความผิดแทบทุกคืน ซึ่งจากการสอบปากคำขบวนการนี้ยอมรับว่า ได้กระทำความผิดมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เชื่อว่ากลุ่มขบวนการน่าจะกระทำความผิดมานานมากกว่านี้ เนื่องจากประวัติของนาย บุญคงคา หรือนายดาว ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ที่กำลังอยู่ในระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี พบว่าเคยมีประวัติกระทำความผิดลักรถจักรยานยนต์ลักษณะแบบนี้มาก่อน
ซึ่งขบวนการดังกล่าวนั้น ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์เป็นอาชีพ เงินที่ได้มาก็จะมาหล่อเลี้ยงตัวเองเป็นหลัก ทั้งนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับขบวนการกลุ่มลักรถจักรยานยนต์กลุ่มอื่น ๆ ที่ระบาดในพื้นที่นครบาลแต่อย่างไร
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังฝากแจ้งเตือนถึงประชาชนว่า ขอให้ระมัดระวังในการจอดรถจักรยานยนต์ตามพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ควรจะต้องล็อคคอหรือคล้องโซ่เพื่อป้องกันการถูกลักขโมย ซึ่งทางตำรวจนครบาลโดยชุดสืบสวนและชุดปราบปราม จะเร่งเฝ้าติดตามเบาะแสของกลุ่มลักรถจักรยานยนต์กลุ่มอื่น ๆ และคอยเฝ้าระวังภัยเพื่อป้องกันการก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่นครบาลเพื่อความปลอดภัยของประชาชนต่อไป
