ป.ป.ส. แถลงความคืบหน้าของการดำเนินการยึดทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
1 min readวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผช.ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงข่าวความคืบหน้าของการดำเนินการยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ รอง ผบก.ปส.3 นายนพดล อุเทน ที่ปรึกษา ปปง. เข้าร่วมแถลงข่าว ณ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)
โดยเป็นการแถลงความคืบหน้าหลังจากเข้าตรวจสอบทรัพย์สินของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภาหลังจากคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ซึ่งปลัดกระทรวงยุติธรรมฯ เป็นประธาน มีมติให้ตรวจสอบและเลขาธิการ ป.ป.ส. ลงนามในคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินในส่วนอสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินที่มีทะเบียนเพิ่มเติมอีกรวมทั้งสิ้น 70 รายการ มูลค่าประมาณ 476.6 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การเข้าตรวจสอบทรัพย์สินในวันนี้ เป็นไปตามอาศัยอำนาจของเลขาธิการ ป.ป.ส. มาตรา 73 ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบและเป็นการบังคับใช้กฎหมายตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
โดยชี้แจงแก่คุณอุปกิตว่าสำนักงาน ป.ป.ส. ขอเข้าตรวจสอบตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 68 และมาตรา 76 ซึ่งทางคุณอุปกิตก็ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ และยืนยันที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สำหรับทรัพย์สินที่เข้าตรวจสอบครั้งนี้ ประกอบไปด้วยสมุดบัญชีธนาคาร รถยนต์และอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพื้นที่ 30 แปลง ในเขตกรุงเทพมหานคร และในอีก 7 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี และระยอง รวม 22 จุด”
การดำเนินการยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดในวันนี้ เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปปง. บช.น. บช.ปส. ปปส.กทม. ปปส.ภาค 1/2/5/7 สำนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน และสำนักปราบปรามยาเสพติด จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทรัพย์สินตามที่ตั้งต่างๆ
“การเข้าตรวจสอบทรัพย์สินตามคำสั่งยึดอายัดในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากคุณอุปกิต ปาจรียางกูร เป็นอย่างดี และผมก็ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้ใช้เครื่องมือทางกฎหมายในการปราบปรามยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้มากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการยึดทรัพย์สินเครือข่าย
ยาเสพติด ในการดำเนินการทุก ๆ ครั้ง ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมในทุก ๆ คดี “เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในตอนท้าย