10 มกราคม 2025

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

รองสุรเชษฐ์ สรุปผลช่วยคนไทยจากเลาก์ก่าย 2 ครั้ง ช่วยคนไทยกลับมาได้ 525 คน คัดแยกเหยื่อพบถูกหลอกค้ามนุษย์ 174 คน และมีผู้ต้องหาตามหมายจับ 20 คน ด้านเหยื่อค้ามนุษย์ อ้างถูกนายหน้าค้ามนุษย์ หลอกไปทำงาน ก่อนบังคับทำคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่การสอบสวน

1 min read

ตำรวจสามารถออกหมายจับแก๊งค้ามนุษย์แล้ว 29 หมายจับ จับกุมได้ 21 หมายจับ ส่วนอีก 8 คนหลบหนีไปได้จากกรณีเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์สู้รบในหลายพื้นที่เขตชายแดนประเทศเมียนมา ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยมีคนไทยที่เดินทางไปทำงานอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย ติดอยู่ในพื้นที่พิพาทเป็นจำนวนมาก และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือนำกลับประเทศ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก กองทัพอากาศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ในการประสานงานกับทางการเมียนมาในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อนำกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย ปัจจุบันสามารถช่วยเหลือคนไทยนำกลับมายังประเทศไทยได้แล้ว 4 ครั้ง ประกอบด้วย


1. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 41 คน โดยรับตัวผ่านจุดผ่านแดนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
2. เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 266 คน โดยนำตัวข้ามชายแดนจากเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา ไปยังเมืองคุนหมิง ประเทศจีน แล้วเดินทางกลับไทยโดยสายการบินพาณิชย์ลงที่สนามบินดอนเมือง
3. เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 24 คน โดยรับตัวผ่านจุดผ่านแดนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
4. เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 83 คน โดยนำตัวข้ามชายแดนจากเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา ไปยังเมืองคุนหมิง ประเทศจีน แล้วเดินทางกลับไทยโดยสายการบินพาณิชย์ลงที่สนามบินดอนเมือง
5. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 111 ราย โดยรับตัวผ่านจุดผ่านแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

รวม 5 ครั้ง สามารถช่วยเหลือคนไทยได้แล้ว 525 ราย โดยนำเข้าสู่กระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM) ที่ค่ายพระยาเม็งราย จ.เชียงราย, กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.เชียงราย และศูนย์บูรณาการคัดกรอง หนองจอก กทม.

โดยในจำนวนดังกล่าว มีผู้ต้องหาตามหมายจับ (คดีทั่วไปและคดีคอลเซ็นเตอร์) จำนวน 20 ราย จากนั้นนำเข้ากระบวนการคัดกรอง 504 ราย พบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 174 ราย


ในส่วนของกระบวนการคัดแยกนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการซักถามและคัดกรองตามขั้นตอนกระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด โดยเฉพาะการหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์

ล่าสุด คนไทยชุดแรกที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 41 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการคัดแยกและพบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 20 คน ซึ่งได้ดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมา ( เมืองเล่าก์ก่าย ) และขออนุมัติหมายจับต่อศาลจำนวน 10 ราย สามารถจับกุมได้แล้วจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. น.ส.สุภัสสร (สงวนนามสกุล) เป็นภรรยาหัวหน้าคนจีน ทำหน้าที่คุมคนไทยในคอลเซ็นเตอร์
2. น.ส.นภาพร (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการเงิน
3. นายประภาส (สงวนนามสกุล) เป็นล่ามภาษาจีน และสอนคนไทยทำคอลเซ็นเตอร์
4. นายพงษ์เทพ (สงวนนามสกุล) เป็นล่ามภาษาจีน และทำงานเป็นคนโทรหลอกลวง

ทั้งนี้ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอีก 6 ราย ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน สมคบกันค้ามนุษย์ด้วยการบังคับใช้แรงงาน

ในส่วนของคนไทยชุดล่าสุด ที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 111 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการคัดแยกและพบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 85 คน โดยได้ดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมา ( เมืองแผน ) และขออนุมัติหมายจับต่อศาลจำนวน 19 ราย สามารถจับกุมได้แล้วจำนวน 15 ราย อายัดตัวดำเนินคดี 2 ราย ประกอบด้วย
1.นายณรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) เป็นหัวหน้าคุมคนไทยทั้งหมด และเป็นหัวหน้าทีม H
2.นายอนุรักษ์ (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
3.น.ส.ฉัตรชนก (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
4.นายพงศกร (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
5.นายปยุตฯ (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
6.นายธงชัย (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
7.นายธณากร (สงวนนามสกุล) เป็นพนักงานโทรหลอก (สายเชือด)
8.นายณัฐนนท์ (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ
9.นายธนพล (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ และเป็นหัวหน้าทีม D
10.นายอธิรัตน์ (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ
11.นายสิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ และเป็นหัวหน้าทีม B
12.นายกฤษดา (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ และเป็นหัวหน้าทีม A
13.นายพงศ์พันธุ์ (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการทำงานและลงโทษ และเป็นหัวหน้าทีม E
14.นายไตรสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) เป็นหัวหน้าทีม C
15.น.ส.ตรีวกาล (สงวนนามสกุล) เป็นหัวหน้าทีม G
16.นายรัชชานนท์ (สงวนนามสกุล) เป็นหัวหน้าทีม F
17.นายจาอัง (สงวนนามสกุล) เป็นคนควบคุมการเงิน

โดยยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอีก 2 ราย ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน สมคบกันค้ามนุษย์ด้วยการบังคับใช้แรงงาน สำหรับขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในองค์กร เช่น หัวหน้าฝ่ายบริหาร ฝ่ายฝึกอบรมในการทำคอลเซ็นเตอร์ ฝ่ายชักชวนคนมาทำงาน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดหาล่าม ฝ่ายควบคุมการทำงานและทำโทษ รวมทั้งฝ่ายปฏิบัติการโทรหลอกลวง ซึ่งผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากขบวนการนี้ ถูกชักชวนว่าจะให้ไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันออนไลน์ในเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ และชักชวนลงทุน หากไม่ยอมทำงานจะถูกจับเรียกค่าไถ่จำนวนระหว่าง 2-7 แสนบาท หากไม่มีเงินค่าไถ่ก็จะถูกบังคับทำงานและทำร้ายร่างกายและกักขัง ก่อนที่ผู้เสียหายจะหาทางของความช่วยเหลือเพื่อกลับประเทศไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการช่วยเหลือคนไทยกลับมาแล้ว ก็จะนำตัวเข้ารับการดูแลและคัดแยกเหยื่อที่ทางรัฐจัดหาให้ในการดำเนินการตามกลไก NRM ซึ่งที่ผ่านมาได้คัดกรองผู้เสียหายออกมาได้แล้วจำนวนหนึ่ง รวมทั้งมีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีก 20 ราย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการหลอกคนไทยไปบังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในกลุ่มแรกสามารถขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 10 ราย จับกุมแล้ว 4 ราย , กลุ่มอื่นสามารถ ขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 19 ราย จับกุมและอายัดตัวดำเนินคดีแล้ว 17 ราย ในส่วนของคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือกลับมาทั้งหมด ก็จะมีการขยายผลเช่นนี้ทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงดังกล่าว

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ พิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เน้นความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย หากพบเบาะแสของขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านช่องทางสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed