ทนายพาคุณส้ม เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ พงส. ในคดีรอบยิงเสี่ยต้น
1 min readวันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สน.วังทองหลาง คุณส้ม น้องสาวของภรรยาผู้เสียชีวิต รวมถึงลูกสาววัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือทนายพัฒน์ ก็ได้เดินทางเข้ามาที่โรงพัก หลังทางพนักงานสอบสวนในคดีรอบยิงเสี่ยต้น ได้เรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานที่เป็นคนใกล้ชิด และเป็นคนที่พาเสี่ยต้นเข้ามาแจ้งความที่ สน. โดยก่อนที่จะเข้าไปพบพนักงานสอบสวนทางคุณส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เธอเองก็ทราบเหตุการณ์ในวันที่พี่เขยถูกลอบยิงในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยลูกสาวของเสี่ยต้น เป็นคนโทรศัพท์มาแจ้งเธอช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน หลังจากนั้นเธอก็ออกไปหาพี่สาว ก่อนจะออกมาหาเสี่ยต้นแล้วเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.วังทองหลาง
ซึ่งในวันเกิดเหตุก่อนที่จะเกิดเรื่องตามที่พี่สาวได้ให้สัมภาษณ์ว่ามีการนัดพบกับเสี่ยต้น ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้ไปร่วมรับประทานอาหารด้วย และไม่ทราบว่าพี่สาว กับเสี่ยต้น ได้ไปรับประทานอาหารกันมาก่อน พอมาที่โรงพักเธอก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่สาว โดยตัวของพี่สาวเองก็ไม่ได้สงสัยว่าใครที่เป็นคนมารอบยิงเสี่ยต้น เพราะตัวของเสี่ยต้นเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร จึงทำให้ในตอนนั้นนั้นเธอเองก็คาดว่าน่าจะมาจากเหตุซึ่งหน้ามากกว่า เนื่องจากเสี่ยต้น เวลาที่ได้ดื่มเหล้ามักจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยจำนวนสองคนที่ปรากฏตามสื่อ เธอยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก และไม่คุ้นหน้าผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายด้วย ส่วนข้อมูลที่เพื่อนสนิทของเสี่ยต้น (คุณหมวย) ให้ข้อมูลว่าพี่สาวเธอน่าจะรู้ดีว่าใครเป็นคนยิง ตัวเธอเชื่อว่าพี่สาวเธอก็คงไม่รู้ เพราะถ้าหากมีรูปภาพ หรือหลักฐานที่เห็นใบหน้าผู้สงสัยที่ชัดกว่านี้แล้วเอามาให้ดู หากเธอรู้จักพี่สาวเธอก็ก็คงรู้จักเหมือนกัน แต่ถ้าหากเธอไม่รู้จักพี่สาวเธอก็คงไม่รู้จักเหมือนกับเธอ
สำหรับตัวของเสี่ยต้น เท่าที่เธอรู้จักมายอมรับเลยว่าเป็นคนที่ถ้าหากได้ดื่มสุราแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อย่างตัวเธอเองก็เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ด้วยการถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งด่าตัวเธอ ด่าพี่สาว และด่าแม่ของเธอ รวมถึงเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันก็เคยโดนมาแล้ว จนมาพักหลังๆ แม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าก็จะเป็นคนที่มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย
“ที่ผ่านมาเธอเองก็ยอมรับว่าเคยได้ยินเสี่ยต้น ด่าเธอผ่านพี่สาวด้วยถ่อยคำแรงๆ เช่นคำว่า ”เดี๋ยวมึงก็เป็นเหมือนน้องมึงที่เลิกกับแฟนเก่าแล้วไปมีแฟนใหม่“ ซึ่งเธอมองว่านี่เป็นชีวิตส่วนตัวของเธอ หากอยากจะด่าก็ด่าไป เพราะเธอยังสามารถทำงานให้กับบริษัทได้ตามปกติ เธอเองไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกเสียต้นด่า แต่รู้สึกงงมากกว่าว่ามาด่าเธอทำไมทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว เธอคิดว่าสาเหตุที่เสี่ยต้น มาด่าเธอคงเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนชอบเที่ยวชอบดื่ม ซึ่งเสียต้น ไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้
แม้ที่ผ่านมาตัวของเสี่ยต้น มักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับครอบครัวของเธอ แต่เธอขอยืนยันว่าเหตุผลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเธอกับเสี่ยต้น มีความขัดแย้งกัน และที่ผ่านมา ยอมรับว่า พี่สาวของเธอก็เคยมาระบายให้ฟังว่าเสี่ยต้น เมาแล้วมาหาเรื่อง ส่วนประเด็นเรื่องผู้หญิงอื่น พี่สาวของเธอก็เคยมาปรึกษา แต่เธอก็บอกไปว่า ผู้หญิงเขาทำงานจะไปตามเสี่ยต้น แบบ‘ผัวฉันค้องกลับบ้าน’ ให้อายคนอื่นทำไม และแนะนำให้อยู่เฉยๆไป
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ที่จังหวัดมหาสารคาม เธอเองก็ทราบแต่วันแรกที่เกิดเรื่องเนื่องจากตอนนั้นเธอก็อยู่บ้านที่จังหวัดมหาสารคามด้วยเช่นกัน โดยหลังจากเสี่ยต้นเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งกับเธอว่าสามารถนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เลย ซึ่งเธอเองก็ได้ไปจัดการเรื่องงานศพ
ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ด้วยความที่เธออยู่ที่บ้านด้วย จึงได้เห็นคืนก่อนวันที่เสียต้นจะเสียชีวิต เธอก็เห็นเสี่ยต้นดื่มเหล้าไปในปริมาณมาก โดยลักษณะจะเป็นการดื่มเพียว พอวันที่เสียต้นถูกพบว่าเสียชีวิต ทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับครอบครัวว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
จนถึงวันที่จะมีพิธีฌาปนกิจร่างของเสี่ยต้น ก็ได้มีการเปิดโรงออกมา ซึ่งเธอก็ไม่ได้เข้าไปดูจึงทำให้เห็นไม่ชัด แต่ก็ยอมรับว่าพอที่จะเห็นว่าร่างของเสี่ยต้น อยู่ในสภาพที่ดำคล้ำ และอืด โดยตอนนั้นเธอตกใจมาก แต่ก็ทราบว่าก่อนหน้านั้นที่ร่างของเสี่ยต้นอยู่ในโลงเย็น ปรากฏว่าโลงเย็นเสียจนทำให้เริ่มมีกลิ่น จึงได้มีการเปลี่ยนโรงเย็นอันใหม่
ส่วนกรณีที่น้องสาวของเสี่ยต้น ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ส่วนตัวเธอยอมรับว่างง เพราะนานหลายปีแล้วที่น้องสาวเสี่ยต้น มาทำงานบริษัทก่อนหายหน้าหายตาไป ซึ่งตอนที่มาทำงานด้วยกันก็ได้ทำงานอยู่คนละห้อง เท่าที่จำได้มีการพูดคุยกับพี่สาวเธอตามปกติไม่ได้ดูว่ามีความขัดแย้งอะไรกันเลย
ส่วนทางทนายพัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การที่คุณส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น รวมถึงลูกสาววัย 16 ปีของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ เนื่องจากเป็นคนที่เกี่ยวข้องการใช้ชีวิตครอบครัว รวมถึงพามาแจ้งความที่โรงพักด้วย และอาจจะเป็นบุคคลที่ให้ถ้อยคำแล้วเป็นประโยชน์ // สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของคุณมด และเสี่ยต้น เท่าที่ทราบก็ไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยจนถึงขั้นต้องฆ่า หรือวางยากัน
ส่วนในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่คุณมดภรรยาของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ก็เป็นการให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จากการที่สอบถามคุณมด ส่วนตัวเค้าก็ไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับการให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าอาจจะเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้ามากกว่า
ในส่วนประเด็นการเสียชีวิตที่จังหวัดมหาสารคาม ตัวของคุณมดเองก็ได้ให้ปากคำไปตั้งแต่หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว และเมื่อวานนี้ก็ได้เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่สื่อ และสังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ดูแชทรวมถึงโทรศัพท์มือถือของคุณมด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป โดยเรื่องดังกล่าวตัวของคุณมด เองก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร
สำหรับความคืบหน้าทางคดีจากข้อมูลทางการสืบสวนล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งเกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่า หลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่ปั๊มน้ำมันซอยนวมินทร์ 92 ก่อนจะหลบหนีต่อไปที่ย่านพระโขนง แล้วหายไปจากกล้องวงจรปิด // เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายเป็นมืออาชีพ เพราะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งหลังก่อเหตุได้มีการขี่รถวนในลักษณะหลอกทำให้ตำรวจหลงทาง // แต่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คาดว่า จะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้