11 มกราคม 2025

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายหลอกโอนเงินรีวิวสินค้า รวบ 3 ผู้ต้องหา รับขายบัญชีแลกเงินพี้ยา

1 min read

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.66 ผู้เสียหายพบกับคนร้ายซึ่งเป็นผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้รูปโปรไฟล์หน้าตาดีได้ทักทายและพูดคุยกันเรื่อยมาจนรู้สึกถูกใจกัน ต่อมาคนร้ายอ้างว่าตนเองมีรายได้จากการรีวิวสินค้า จึงได้ชักชวนผู้เสียหายลองทำรายได้จากการรีวิวสินค้าด้วย โดยต้องลงทุนโอนเงินเพื่อรอรับผลตอบแทน ผู้เสียหายสนใจจึงแนะนำให้รู้จักกับคนร้ายอีกคนที่ทำทีเป็นผู้แนะนำการลงทุน

ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทดลองโอนเงินลงทุนจำนวน 500 บาท แล้วได้รับลิงก์เพื่อกดรีวิวสินค้า จำนวน 30 ครั้ง ปรากฎว่าได้รับผลกำไรจำนวน 130 บาท ครั้งที่ 2 คนร้ายจึงแนะนำให้ลงทุน 1,000 บาท โดยรีวิวจำนวน 50 ครั้ง ได้รับผลกำไร 130 บาท แต่ในครั้งนี้ ผู้เสียหายกดรีวิวสินค้าเกินจำนวนครั้งที่กำหนด คนร้ายจึงให้โอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 100 บาท ต่อมา ได้ลงทุนเพิ่มอีก จำนวน 5,000 บาท เพื่อรีวิวจำนวน 50 ครั้ง จึงได้รับผลกำไร จำนวน 700 บาท โดยได้รับผลกำไรและเงินทุนคืนทั้งหมด ผู้เสียหายจึงมั่นใจว่าทำแล้วได้กำไรจริง

ต่อมา คนร้ายได้ชักชวนลงทุน จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเป็นโปรโมชันเดือนวาเลนไทน์ ให้ลงทุนคู่ ผู้เสียหายจึงลงทุนร่วมกับคนร้ายรายแรกที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก แต่ครั้งนี้ทำแล้วกลับไม่ได้รับแจ้งว่าได้ผลกำไรเท่าไร คนร้ายจึงแจ้งว่าสินค้ามีราคาสูง ต้องลงทุนเพิ่มอีก 18,000 บาท ต่อมาคนร้ายอ้างว่าสินค้าที่ต้องรีวิว มีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม จึงให้ลงทุนเพิ่มอีก 33,000 บาท และคนร้ายใช้เหตุผลเดิมอีกครั้ง จึงลงทุนเพิ่มอีก 52,390 บาท

2 วันต่อมา คนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนเพิ่มอีก 170,000 บาท โดยอ้างว่าจะได้กำไรคืนจำนวน 362,941 บาท แต่ผู้เสียหายมีเงินเพียง 100,000 บาท ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่รู้จักกันตอนแรก จึงอาสาขอช่วย จำนวน 70,000 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปอีกหลายครั้ง

ต่อมาคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายจำเป็นต้องต้องเสียค่าภาษีจำนวน 45% เป็นจำนวน 163,323.45 บาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินแล้ว คนร้ายจึงแจ้งว่า ถ้าไม่จ่ายค่าภาษีก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้ ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไป 8 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 219,490 บาท จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในเวลาต่อมา

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รรท.ผบก.สอท.3 จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ร่วมกับ พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับมาดำเนินคดี

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา ได้จำนวน 3 ราย ได้แก่
1. นางกัญญาณัฐ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6400/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
2. นายเทพชัย อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6401/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
3. นายพรชัย อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6401/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหายอมเปิดเผยว่า กลุ่มของตนมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต่อมาได้มีผู้หญิง 2 คน ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง ซึ่งเป็นเอเจนต์จำหน่ายยาเสพติด ได้ว่าจ้างพวกตนให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยให้ค่าจ้างจำนวน 500 บาทต่อบัญชี เมื่อได้รับค่าจ้างแล้ว จึงนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อยาเสพติดมาเสพ

นอกจากนี้ จากข้อมูลการสืบสวน ยังทราบอีกว่า เอเจนต์คนดังกล่าวมักหาบัญชีม้าจากกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำบัญชีธนาคารไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *