ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชาวบ้านลุกฮือต่อต้านนายทุนทวงฮุบที่ดินคืน
1 min read8ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสุทัศน์ ภาคภูมิ อายุ50ปีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสวายม.8ต.รามอ.เมืองทีจ.สุรินทร์ว่าได้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกรุกเข้ามาแผ้วถางป่าในเขตพื้นที่สาธารณประโยชน์(ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์)บ้านสวายหมู่ที่8ตำบลรามโดยมีการขุดโค่นต้นตอไม้และแผ้วถางเพื่อทำการขยายเขตพื้นที่ให้กว้างออกมามากกว่าเดิมพร้อมกับพาผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวและมีการขุดและแผ้วถางป่าจริงซึ่งบรรดาชาวบ้านได้นำพาเข้าไปชี้ให้ดูในพื้นที่สาธารณประโยชน์ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ75ไร่32(๗/๑o)ตารางวาในผืนป่าทั้งหมด
นางสุทัศน์ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเมื่อปี2561ได้มีอดีตนายกอบต.รามได้จัดประชุมสภาเพื่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวโดยขอใช้ประมาณ15ไร่โดยจัดให้มีการเปิดตลาดนัดโคกระบือประกอบกับการก่อสร้างทำเป็นตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจของตำบลรามตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวและเป้นการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งประชาชนในหมู่บ้านยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ทั้งนำโคกระบือมาเลี้ยงในที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ได้เช่นเดิมหรือแม้แต่ในส่วนของการแลกเปลี่ยนซื้อขายโคกระบือในอนาคตจะได้รับสิทธิพิเศษในการนำสินค้าถภาคเกษตรไปจำหน่ายได้อย่างเสรีและมีการดูแลช่วยเหลือชุมชนอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการปรับปรุงพัฒนาที่ดินให้เกิดเป็นรูปธรรมและพัฒนาเป้นตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจและมีความเจริญก้าวหน้าพร้อมทั้งหมู่บ้านสวายหมู่ที่8จะได้รับการดูแลและค่าบำรุงรักษาชุมชนๆละ1,500บาท/เดือนและขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของการดำเนินการจัดทำตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจและตำบลรามในอนาคตเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจและเพื่อพัฒนาพื้นที่และชุมชนในอนาคต
และตนเองก็คิดว่าที่จัดทำโครงการดังกล่าวนั้นก็ถือว่าถูกต้องแล้วและที่ตนเองกับพวกมาร้องผู้สื่อข่าวในครั้งนี้ก็เนื่องจากว่าที่ดินบางส่วนในพื้นที่ป่าทำเลเลี้ยงสัตว์ได้มีการบุกรุกที่เข้าไปเกือบ30ไร่ซึ่งตนเองกับชาวบ้านที่รวมตัวร้องไม่ได้หวังที่จะต่อต้านอะไรเพียงแต่อยากให้ทางผู้ดำเนินการทำอะไรให้มันถูกต้องและเพื่อให้ประชาชนคนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันประกอบกับตนเองได้ยื่นหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆแต่ก็เงียบกริบซึ่งตนเองไม่รู้จะไปพึ่งใครก็อาศัยนักข่าวที่เป้นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องประชาชนคนในตำบลรามได้รับทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยากให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจังไม่ใช่ว่าใครอยากจะลงมือทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจอย่างน้อยก็จัดทำประชาคมให้ชาวบ้านได้รับทราบด้วย
ทางด้านนายกรเดช วันไทย อายุ 76 เลขที่ 31/2ซึ่งในอดีตที่เป็นคนบุกเบิกป่าแห่งนี้และต่อสู้คดีจนได้พื้นที่บางส่วนกลับมานำมาใช้ประโยชน์หลังที่มีคนเข้ามาบุกรุกและนำไปครอบครองและกรณีที่มีอดีตนายกอบต.ได้นำเข้าประชุมสภาและขอใช้พื้นที่50ไร่นั้นตนเองก้ไม่ทราบมาก่อนว่าเขาจัดประชุมสภาแต่ทำไมไม่นำเรื่องดังกล่าวทำประชาพิจารณ์ในหมู่บ้านก่อนซึ่งชาวบ้านและตัวผมเองและพวกก็ไม่ทราบมาก่อนและไม่เห็นด้วยที่จะทำขยายออกมามาถึง50ไร่ซึ่งป่าแห่งนี้เวลาฝนตกจะมีชาวบ้านออกมาหาเก็บเห็ดหาของป่านำไปทำอาหารภายในครัวเรือนและที่เหลือจากนำไปประกอบอาหารก็จะพากันนำไปขายภายในตลาดถ้าหากทำอะไรให้ถูกต้องพวกผมไม่ว่าอะไรแต่ถ้าหากว่าทำไม่ถูกต้องพวกผมจำเป็นต้องร้องเรียนเพราะพื้นที่ป่าดังกล่าวเป้นของทุกคนไม่ใช่ของผมคนเดียวนายกรเดชกล่าว
ทางด้านนาง ธนาพรอนุไวยา ซึ่งเป็นชาวบ้านบอกว่าพวกตนเองไม่ทราบเลยว่ากรณีที่ทางอบต.ได้ประชุมสภาเพื่อที่จะขยายขอใช้พื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์ออกมาอีกจากที่เคยขอทำสัญญาว่าจะขอใช้จำนวน15ไร่แต่พอมาอีกทีเห้นว่ามีการนำรถมาขุดดินและขุดสระขยายออกมาอีกพร้อมกับมีการตัดต้นไม้และนำไม้ออกไปส่วนดินที่ขุดนั้นก็นำไปถมล้มรอบพื้นที่บริเวณที่จะขยายออกให้กว้างกว่าเดิมตนเองไม่ได้ติดใจตรงไหนอย่างไรเพียงอยากจะสอบถามว่าคนในหมู่8จะได้รับกรณีพิเศษในการนำสินค้าเข้ามาค้าขายแต่ไม่มีชาวบ้านนำสิ่งของมาขายและจำหน่ายเลยและที่บอกว่ามีสมาชิกทั้งหมดจำนวน500คนจาก14หมู่บ้านนั้นตนเองและพวกก็เป็นสมาชิกร่วมกันแต่การเป้นสมาชิกก็ไม่ได้หมายความว่าจะพากันมาบุกรุกพื้นที่ป่าสาธารณประโยชนืที่ชาวบ้านที่ใช้ร่วมกันนำมาเป้นธุรกิจของคนใดคนหนึ่งซึ่งตนเองไม่เห็นด้วย
ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไปทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์ได้เข้ามาข่มขู่ชาวบ้านที่ไปให้ข่าวว่านำดินขุดออกไปขายนั้นเป็นเพียงการพูดรวมในบางพื้นที่ในบางอำเภอที่มีการลักลอบขุดดินไปขายและมีการจับและดำเนินคดีแต่ไม่ใช่พื้นที่ที่ถูกกล่าวหาและถ้าหากมีการแจ้งหรือว่าจะมีการฟ้องร้องทางชาวบ้านและพวกตนเองจะขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นถึงแม้ว่าจะมีการทำประชาคมก่อนที่จะลงมาขุดลอกหรือขยายพื้นที่ออกไปแต่พวกตนเองบอกได้เลยว่าตนเองไม่ทราบมาก่อนและถ้าหากทราบแล้วพวกตนเองก็จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ล่าสุดได้มีกลุ่มสตรองของหน่วยงานปปช.จ.สุรินทร์ได้เข้ามาตรวจสอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับได้แนะนำหาทางออกร่วมกันถ้าหากว่าฝ่ายบุกรุกหรือว่าหน่วยงานที่ส่งเรื่องเข้าไปร้องเรียนก็จะได้เข้าไปตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงเพื่อที่จะได้ดำเนินการทางกฏหมายต่อไป
…………..
คำกอง กันนุฬา/รายงาน 0968264875