ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
1 min read
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม
ออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้าม
ชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร
ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช.
ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ
ผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ
รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวน
จับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันพุธที่ 26 มี.ค.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์
คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1,
พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์
บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. พร้อม
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันเร่งปราบปราม
การกระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมา
สู่ผลการปฏิบัติ จำนวน 25 ปฏิบัติการ ดังนี้
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.1 บก.สอท.1 รวบผู้ร่วมขบวนการเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ Bilislot
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบเว็บไซต์พนันออนไลน์
เครือข่าย bilislotv1 มีการเปิดให้ประชาชนแทงพนันจนเกิดการได้เสียเงินกันจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า
เครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันรวบรวพยานหลักฐาน
กระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 441/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.68 เข้าจับกุม
น.ส.สุพัตรา อายุ 29 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารพักเงินสำหรับจ่ายเงินหน้าเว็บ ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น
หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้แก่ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันใน
การเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน , สบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน
ฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันกระทำความผิด
ฐานฟอกเงิน” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นจริง
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.1 บก.สอท.1 รวบผู้ร่วมขบวนการเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ fast356
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบเว็บไซต์พนันออนไลน์
เครือข่าย fast356 มีการเปิดให้ประชาชนแทงพนันจนเกิดการได้เสียเงินกันจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า
เครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันรวบรวพยานหลักฐานกระทั่ง
สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 3058/2567 ลงวันที่ 28 มิ.ย.67 เข้าจับกุม
นายชวลิต อายุ 36 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารพักเงินสำหรับจ่ายเงินหน้าเว็บ ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น
หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการ
เล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองตนขึ้นไป
เพื่อกระทำกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
และร่วมกันฟอกเงิน” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาแต่รับว่าเคยรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.1 : รวบแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้น ฮั่วเซ่งเฮง
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ได้สืบสวนจับกุมขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้น ฮั่วเซ่งเฮง
มูลค่าความเสียหาย 1.7 ล้านบาท นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.383/2568 ลงวันที่ 4 เดือน มีนาคม
พ.ศ.2568 จับกุมนายปวรุตม์ อายุ 45 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์
เบื้องต้นนายปวรุตม์ รับสารภาพว่าเพื่อนชวนข้ามไปฝั่งปอยเปต ไปทำงานที่ตึก 25 ชั้น และเปิดบัญชีดังกล่าว
จริง โดยตนเองทำหน้าที่เป็นแอดมินตอบแชท เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่ง ไม่ผ่านการทดลองงานและได้
ค่าตอบแทนเดือนละ 18,000 บาท หลังจากไม่ผ่านงาน ตนจึงกลับบ้านที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่
ตำรวจเข้าจับกุม บริเวณถนนสาธารณะ หมู่ที่ 14 ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย
ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประซาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร
อิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตน
เกี่ยวข้อง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.1 : รวบเครือข่ายเว็บพนัน K9WINBKK นำเงินไปเป็นทุนเปิดร้านเหล้า
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนเครือข่ายเว็บพนัน K9WINBKK และสามารถ
จับกุมนางสาวสุพรรณี อายุ 29 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำ
อุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่ง
มิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน , สบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและ
ได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน”
โดยนางสาวสุพรรณี ทำหน้าที่เปิดบัญชีจ่ายหน้าเว็บพนันโดยมีคนว่าจ้างให้เปิดบัญชีม้า มีชื่อเป็นกรรมการ
บริษัทม้า เพื่อบริหารจัดการในเว็บพนันดังกล่าว ยอดเงินหมุนเวียนประมาณ 10 ล้าน นางสาวสุพรรณีให้การ
รับสารภาพว่า ที่เปิดบัญชีดังกล่าว เพราะตนเองต้องการนำไปเป็นทุนในการเปิดร้านเหล้า เพื่อทำการค้าขาย
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.4 บก.สอท.1 : จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ขบวนการแอบอ้างเป็นกรมที่ดิน และเว็บพนัน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.1 ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย มีรายละเอียดดังนี้
1. จับกุม นางสาวกวิสรา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ “บัญชีม้า” เครือข่ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรม
ที่ดินให้โหลดแอปพลิเคชัน แล้วอัพเดทข้อมูลส่วนบุคคล กรอกรหัสยืนยันตัวตน ผู้เสียหายใช้รหัสเดียวกับ
ธนาคารจึงถูกโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร มูลค่าความเสียหาย 470,000 บาท
2. จับกุม นางสาวลินดา อายุ 27 ปี บัญชีม้ารับโอนเงินจ่ายเงินให้ผู้เล่นการพนัน “รวยสล็อต 909”
เงินหมุนเวียนต่อเดือนประมาณ 6 ล้านบาท
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.1 บก.สอท.2 : จับกุมผู้ต้องหาปลอมเพจฮั่วเซ่งเฮง หลอกลวงประชาชนให้ผ่อนทองคำ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 สืบทราบว่า น.ส.กนกรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล
จังหวัดนนทบุรี ได้มาอยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเข้า
จับกุมตัวผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย
ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร
อิเล็กทรอนิกส์ หรือ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตน
เกี่ยวข้อง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 7 : กก.3 บก.สอท.2 : จับกุมหนุ่ม 19 ขายปืนปากกาผ่านเฟซบุ๊ก
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ตรวจสอบพบว่าช่อง YOUTUBE ชื่อบัญชี “ตนมีฝีมือ” ลักลอบ
จำหน่ายอาวุธปืน ชนิดปืนปากกา และ ปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืน จึงได้ตรวจสอบเกี่ยวกับผู้สั่งซื้อ
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน โดยอาศัยการตรวจสอบข้อมูลการส่งพัสดุ ผ่านระบบขนส่งเอกชน มีการส่งพัสดุ
ระบุชื่อนราธิป ส่งไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 10 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ขออนุมัติศาลทำ
การตรวจค้นจับกุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐมที่ 168/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.68 จับกุมนายนราธิป
อายุ 19 ปี ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากการสอบถาม นายนราธิปรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้สั่งซื้ออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ทาง
ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในราคา 2,000 บาท พร้อมด้วยกระสุนปืน ขนาด .38 มม. จำนวน 1 นัด เมื่อ
ประมาณ 2 ปีแล้ว
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.1 บก.สอท.3 : จับกุมวัยรุ่นประกาศขายปืนไทยประดิษฐ์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่าบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “โบว์ลิ้ง สี เทาเทา” ประกาศขาย
อาวุธปืน (ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ในกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะที่มีสมาชิก 9,813 คน จึงวางแผนล่อซื้ออาวุธปืน 1
กระบอก ในราคา 3,500 บาท
เจ้าของบัญชี “โบว์ลิ้ง สี เทาเทา” ตกลงส่งมอบอาวุธปืนที่ ซอยโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร เจ้าหน้าที่
จึงดักซุ่มจับกุม นายณัฐพงษ์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมอาวุธปืน เมื่อล่อซื้อสำเร็จ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถยนต์ พบ
อาวุธปืนรวม 3 กระบอก และกระสุนปืน 7 นัด
นายณัฐพงษ์ รับสารภาพ ว่านำอาวุธปืนมาจำหน่ายจริง และไม่มีอาชีพอื่น รายได้จากการขายอาวุธใช้จ่ายใน
ชีวิตประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธ
ปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”
ปฏิบัติการที่ 9 : กก.1 บก.สอท.3 : จับกุมวัยรุ่นประกาศขายปืนไทยประดิษฐ์ผ่าน facebook
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่าบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “ยุทธดนัย อยู่สุข” ประกาศขาย
อาวุธปืน (ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ทางเฟซบุ๊ก จึงวางแผนล่อซื้ออาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก รวมเป็นเงิน
80,000 บาท โดยนัดส่งมอบที่ ตลาดเมืองทอง จ.อุดรธานี แต่ต่อมาเปลี่ยนสถานที่เป็น ร้าน BEYOND
CAFE สนามกีฬาเทศบาลเวสสุวัณ นครอุดรธานี
เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่พบ นายยุทธดนัย ซึ่งได้ติดต่อ นายนฤเบศร์ ให้นำอาวุธปืนมาให้ผู้ซื้อ อาวุธปืน
2 กระบอก (สีดำและสีเงิน) พร้อมกระสุนปืน 5 นัด ถูกซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษที่ท้ายรถยนต์ เมื่อตรวจสอบ
เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม และแจ้งข้อหา “ร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็น
อาวุธปืนที่นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน
หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
ผู้ต้องหาทั้งสอง รับสารภาพ ว่าร่วมกันนำอาวุธปืนมาขาย และไม่ได้ประกอบอาชีพอื่น โดยตั้งใจนำเงินที่ได้จาก
การขายไปใช้จ่ายส่วนตัว
ปฏิบัติการที่ 10 : กก.1 บก.สอท.3 รวบ 2 วัยรุ่น ลอบขายปืนเถื่อนผ่านเฟซบุ๊ก
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่ามีบัญชีเฟซบุ๊กบัญชีหนึ่ง ได้ประกาศขายอาวุธปืน
(ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ออนไลน์ จึงได้สืบสวนและติดต่อล่อซื้ออาวุธปืนจากเพจดังกล่าว จำนวน 2 กระบอก
รวมราคา 80,000 บาท โดยนัดหมายที่ส่งมอบสินค้าภายในตลาดเมืองทอง ถ.นิตโย ต.หมากแข้ง อ.เมือง
อุดรธานี จ.อุดรธานี
ต่อมาเมื่อถึงวันเวลาส่งของ เจ้าของเฟซบุ๊กได้ขอเปลี่ยนสถานที่นัดหมายที่ส่งมอบอาวุธปืนเป็นร้านกาแฟ
แห่งหนึ่งบริเวณสนามกีฬาเทศบาลเวสสุวัณ นครอุดรธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายยุทธดนัย อายุ 41 ปี
ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นสายลับนอกเครื่องแบบ จากนั้นนายยุทธดนัยฯ ได้โทรเรียกนายนฤเบศร์
อายุ 34 ปี ให้ขับรถยนต์เข้ามาในบริเวณนัดหมาย จากนั้นสายลับจึงได้เดินไปกับนายยุทธดนัยฯ เพื่อทำทีขอดู
อาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกจากนายนฤเบศร์ฯ ที่ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระโปรงรถยนต์ จากนั้นสายลับได้มอบเงินจำนวน
80,000 บาทและรับอาวุธปืนกลับมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่โดยรอบได้แสดงตัวเข้าควบคุมตัว
ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนปืน
ขนาด .38 จำนวน 5 นัด
เบื้องต้นทั้ง 2 รายให้การยอมรับว่า ร่วมกันติดต่อกับสายลับเพื่อนำอาวุธปืนของลางดังกล่าวมาเพื่อชื้อขายจริง
เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายอาวุธปืนดังกล่าวมาใช้จ่ายส่วนตัว โดยพวกตนไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหกล่าวหา “ร่วมกันครอบครองอาวุธปืน(อาวุธปืนพกสั้นจำนวน 2 กระบอก)และ
เครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไป
ในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 11 : กก.3 บก.สอท.3 : จับกุมเครือข่ายแอบอ้างการไฟฟ้า เสียหาย 2 ล้านบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายส่ง SMS แอบอ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีข้อความว่า “มีสิทธิได้รับคืน
ค่า FT” และให้กดลิงก์ เพิ่มเพื่อนทาง Line ชื่อว่า “PEA THAILAND” อ้างว่าเป็นพนักงานการไฟฟ้า และได้
ขอภาพถ่ายเอกสารส่วนตัวของผู้เสียหาย เพื่อนำไปใช้ในการลงทะเบียนขอรับเงินคืน ผู้เสียหายลงเชื่อจึงส่ง
ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนให้ไป โดยคนร้ายที่อ้างว่าเป็นพนักงานการไฟฟ้า แจ้งว่าจะได้รับเงินคืนค่า FT
ให้ทำรายการลงทะเบียนในเว็ปไซต์ปลอมตามขั้นตอนที่แนะนำ และให้ยืนยันรหัส PIN เปิดเครื่องโทรศัพท์ดาว
โหลดขั้นตอน ภายหลังพบว่าเงินในบัญชีเงินฝากของธนาคารที่ติดตั้งแอพพลิเคชันของธนาคารไว้บน
โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายโอนออกไป เป็นเงินรวมเป็นเงิน เกือบ 2 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 นำหมายจับศาลอาญาที่ 4129/2567 ลง 28 ส.ค.67 จับกุมนายบพิตร
อายุ 37 ปี โดยรับสารภาพว่า ได้แสกนใบหน้าและมอบเอกสารให้บุคคลอื่นไปใช้เปิดบัญชี แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับพฤติการณ์หลอกลวง
ปฏิบัติการที่ 12 : กก.3 บก.สอท.3 : จับกุมเครือข่ายหลอกโอนเงินลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 นำหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ 701/2567 ลง 28 พฤศจิกายน
2567 เข้าจับกุม น.ส.สุภา อายุ 24 ปี เจ้าของบัญชีในเครือข่ายหลอกโอนเงินลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์
ในความผิดฐาน “ปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้
เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ จะนำไปใช้ในการกระทำความผิด
เกี่ยวกับอาชญากรรทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี
ตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 13 : กก.4 บก.สอท.3 : จับกุมกระบวนการหลอกให้ร่วมลงทุนโปรโมทสินค้า
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในโปรโมชั่นสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน G marker โดยสัญญา
ว่าจะได้เงินตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 613,898.20
บาท โดยในครั้งแรกผู้ต้องหาจะโอนเงินคืนให้เพื่อสร้างความเชื่อถือ แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินจำนวนมากขึ้น
ผู้ต้องหาไม่ยอมให้ถอนเงินและใช้กลอุบายหลอกล่อให้สูญเสียเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูก
หลอกลวงอย่างแน่นอน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายพรชัยฯ ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีนี้
โดยศาลจังหวัดมหาสารคาม พักอาศัยอยู่ที่ในพื้นที่หมู่ 8 ต.คูเมือง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จึงทำการ
วางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 มาดำเนินคดี
ได้ในที่สุด
ปฏิบัติการที่ 14 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 : รวบเครือข่ายหลอกลงทุนทองคำ อ้าง
ร้านทองชื่อดัง
สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนผ่านเพจเฟซบุ๊ก HSH Gold Trading และ Aurora Online โดยเริ่ม
จากการติดต่อผ่านไลน์กับผู้ใช้ชื่อ HSHsocial ฮั่วเซ่งเฮง และ โค้ชปิยาภรณ์ ซึ่งอ้างว่าการลงทุนทองคำ
สามารถทำกำไรสูง ผู้เสียหายลงทุนเป็นระยะโดยเริ่มต้นจากจำนวนเล็กน้อย ก่อนเพิ่มเงินลงทุนขึ้นเรื่อย ๆ จนมี
เงินในระบบประมาณ 500,000 บาท เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 30% ของเงิน
ในระบบ (150,285 บาท) และเมื่อโอนค่าธรรมเนียมไปแล้ว กลับถูกแจ้งว่าการบันทึกช่วยจำไม่ถูกต้อง ต้อง
โอนซ้ำอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถถอนเงินได้ หลังจากตรวจสอบพบว่า บัญชีปลายทางของทั้งสองเพจเป็นบัญชี
เดียวกัน จึงสงสัยว่าถูกหลอกลวง ความเสียหายรวม 896,192.38 บาท และแจ้งความดำเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้จับกุมนายนิกร อายุ 61 ปี ชาว
จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 242/2567 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ใน
ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดย
หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงาน
สอบสวน เพื่อดินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 15 : กก.2 บก.สอท.4 : รวบหนุ่มสุดเก๋า โพสต์โชว์ปืน แถมเสพยา
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้ตรวจสอบพบหนุ่มรายนึงฉายา “หมีป่าเซ่า” โพสต์รูปภาพ
อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ลงในสื่อออนไลน์ ประกอบกับได้มีสายลับขอปกปิดนาม เข้าแจ้งเบาะแสพฤติกรรมโชว์
เก๋าของนายหมี ว่าชอบเสพยาและอาละวาดโชว์ปืนให้ใครต่อใครเห็นเพื่อข่มขู่ แถมยังมีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามั่วสุม
บ่อยครั้ง จึงทำการสืบสวนว่า นายหมีพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ป่าเซ่า จ.อุตรดิตถ์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายปัญญา (หมี) อายุ 35 ปี ในความผิดฐาน “มี
อาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอม
เฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”
จากการสอบถาม นายหมีรับสารภาพว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาจับกุม ตนเองเพิ่งเสพยาบ้าไปหมาดๆ
พอเห็นเจ้าหน้าที่จึงเกิดความตกใจกลัว แสดงพิรุธ ทำให้สามารถจับกุมได้ (ตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด) ส่วน
อาวุธปืนไทยประดิษฐ์นั้นรับว่าเป็นของตนเองจริงๆ พ่อตาให้มาเพื่อใช้ล่าสัตว์
ปฏิบัติการที่ 16 : กก.3 บก.สอท.4 : รวบเครือข่ายเว็บพนัน love928
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.4 ได้ทำการทดลองเล่นเว็บไซต์ LOVE928.com เพื่อสืบสวน
เส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำผิด โดยสายลับได้สมัครสมาชิก และโอนเงิน 500 บาท เข้าบัญชี เมื่อทำ
รายการสำเร็จ เว็บไซต์แสดงยอดเครดิต 500 บาท พร้อมให้เข้าเล่นพนัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับศาลอาญาที่ จ.1391/2568 ลงวันที่ 26 ก.พ.68 เข้าจับกุม นายสมเกียรติ
อายุ 24 ปี ชาว จ.เชียงราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศ
โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้า
พนักงานฯ และร่วมกันฟอกเงิน”
จากการตรวจสอบ พบว่าเว็บไซต์มีเกมพนันหลากหลายประเภท เช่น สล็อต คาสิโน Lotto สายลับได้ทดลอง
เล่น บาคาร่า ผ่านค่าย Sexy Gaming ซึ่งเป็นระบบถ่ายทอดสด มีดีลเลอร์แจกไพ่ และเปิดให้วางเดิมพัน
ระหว่างเจ้ามือและผู้เล่น โดยมีการได้-เสียเงินเดิมพันจริง
หลังจากได้ข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึง ประชุมวางแผนสืบสวน เพื่อติดตามหาตัวผู้เกี่ยวข้องกับการลักลอบจัด
ให้มีการเล่นพนันออนไลน์
ปฏิบัติการที่ 17 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 : รวบขบวนการ Hybrid Scam ความ
เสียหายกว่า 2 ล้านบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกคนร้ายอ้างว่าทำงานเป็นสถาปนิกของบริษัท Grid Architect ทักเข้ามาในลักษณะเชิง
ชู้สาว ต่อมาได้ชวนลงทุนในแอปฯ Genie จำนวนลงทุนถึงหลักล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายขอถอนเงินจาก แต่ไม่
สามารถถอนออกมาได้ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 ได้นำหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่
319/2568 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2568 เข้าจับกุมนายณัฐวุฒิ อายุ 33 ปี ชาว จ.เชียงราย ในความผิดฐาน
“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย
ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 18 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 : รวบเครือข่ายหลอกเทรดหุ้นออนไลน์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 ทำการสืบสวนกรณีผู้เสียหายถูก
ชักชวนเทรดหุ้นออนไลน์ผ่านอินสตราแกรม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพื่อเข้าร่วมเทรดหุ้นออนไลน์ ต่อมา
เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงินออกมาปรากฏว่าไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งความ
เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับ ศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 21/2568 ลงวันที่ 10 มกราคม 2568 เข้าจับกุม นาย
ธีรศักดิ์ อายุ 44 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และ
ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ
ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
แก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินฝาก
อิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะรู้
หรือหรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น
ใด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 19 : กก.1 บก.สอท.5 : รวบเครือข่ายหลอกให้ลงทุนเทรดคริปโต เสียหาย 227,750 บาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียหายถูกหลอก โดยชักชวนให้ร่วมลงทุนการ
ขุดเหรียญคริปโต ซึ่งต้องมีการแนบบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อการนำเงินไปลงทุนเครื่องขูดเหรียญ ต่อมาเมื่อ
เติมเงิน จำนวน 100,000 บาท จะต้องเติมอีก 100,000 บาท ภายใน 7 วัน หากไม่เติมเงินเข้าระบบจะโดนหัก
เงินทุกวัน แต่เมื่อต้องการจะถอนเงิน ทางมิจฉาชีพแจ้งว่าให้รอ 45 วัน ถึงจะถอนได้ เมื่อครบกำหนดถอน
มิจฉาชีพจะแจ้งกลับมาว่าผู้เสียหายทำผิดระบบ และต้องเติมเงินอีก 500,000 บาท ผู้เสียหายจึงเริ่มรู้ตัวว่า
ผิดปกติ จึงได้แจ้งความดำเนินคดี
ต่อมาวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับ และสืบสวนออนไลน์ ทราบว่า
นายพงษ์ศิริ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 4420/2567 ลง 10 ก.ย.67 พักอาศัยอยู่สถานที่จับกุม จึง
เดินทางไปตรวจสอบ พบตัว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงไม่เคยถูกจับตามหมายนี้มาก่อน จึงแจ้งข้อ
กล่าวหา แล้วนำตัวไปยัง สภ.เทพสถิตย์ ทำบันทึกจับกุม ผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติม
ว่าตนได้เปิดบัญชีให้แฟนใช้แต่ตนไม่ทราบว่าแผนเอาไปทำอะไรต่อ นำตัวส่ง พงส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อไป
ปฏิบัติการที่ 20 : กก.2 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายแอบอ้างการไฟฟ้า เหยื่อสูญเงิน 2.7 แสนบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหาโดยแอบอ้างเป็นการไฟฟ้า จากนั้นได้หลอกให้ผู้เสียหาย
ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์จากระยะไกล กระทั่งเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไป
จำนวนกว่า 278,000 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 176/2568 ลงวันที่ 14 ม.ค.68 เข้าจับกุม
นางสาววรรณี อายุ 38 ปี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนและกระทำ
ด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวางหรือรบกวน
จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการ
เข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือ
เพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่
ทรัพย์สินของผู้อื่น”
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารและได้มอบบัญชี
ธนาคารและบัตรเอทีเอ็มให้ผู้อื่น จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 21 : กก.3 บก.สอท.5 : รวบขบวนการหลอกเทรดหุ้น เหยื่อสูญเงินนับแสนบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้เข้าแอปฯ TIKTOK ได้พบผู้ใช้ไอดีรายหนึ่งมีการโฆษณาชักชวนเทรดหุ้น ผู้เสียหายเกิด
ความสนใจและได้สมัคร ภายหลังจากที่สมัครสมาชิกในการเทรดหุ้นแล้ว ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารรวมกว่า
1 แสนบาทเศษ พบว่าไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบและไม่สามารถติดต่อแอดมินได้ จึงเชื่อว่าถูกกลุ่ม
มิจฉาชีพหลอกลวง จากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายจนสามารถ
ออกหมายจับได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนจับกุม นางสาวพัชชานันท์ อายุ 27 ปี ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า
ในขบวนการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 364/2568 ลง 27 กุมภาพันธ์ 2568 ใน
ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
สอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างตนเองได้ใช้บัญชีธนาคารกู้เงินนอกระบบ ผ่านแอป
พลิเคชันหนึ่ง แต่มาทราบภายหลังถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการ
มิจฉาชีพนี้ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 22 : กก.3 บก.สอท.5 : รวบขบวนการหลอกเทรดทอง สุดท้ายชิ่งหนีทำเหยื่อสูญเงิน 2.5 แสน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้เข้าเฟซบุ๊กและพบเพจการโฆษณาการชักชวนลงเทรดทอง โดยอ้างว่าจะให้ผลกำไรดี
และความเสี่ยงต่ำ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหลงเชื่อ โดยลงทุนไปจำนวนหลายครั้งเป็นเงินกว่า 2.5 แสนบาท
สุดท้ายผู้เสียหายจะถอนเงินออกจากระบบ พบว่ากลุ่มขบวนการนี้ได้อ้างบ่ายเบี่ยงจนผู้เสียหายไม่สามารถ
ติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเป็นเป็นบุคคลอื่นหลอกให้ลงทุนเทรดทอง
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด ต่อมาเจ้าหน้าที่
ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนจับกุม นางสาวสุวภัทร อายุ 27 ปี ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าในขบวนการ ซึ่ง
เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2684/2567 ลง 14 มิถุนายน 2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง
ประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะ
เกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างตนเองได้ขายบัญชีให้บุคคลที่เคยทำงานด้วยกันใน
ราคาชุดละ 3,000 บาท อ้างว่าบัญชีของตนเองถูกอายัดจึงจำเป็นต้องใช้บัญชีธนาคารของผู้ต้องหา แต่ต่อมา
ทราบภายหลังถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการมิจฉาชีพนี้ จากนั้นจึงนำ
ตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 23 : กก.3 บก.สอท.5 : รวบขบวนการหลอกเป็นเจ้าหน้าที่สรรพกรให้เหยื่อกดลิงก์ สูญเงินไป
หลายหมื่นบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่สรรพกร อ้างว่าผู้เสียหายยังไม่ชำระค่าภาษี
ประจำปี และอ้างว่าหากชำระตอนนี้จะใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีโครงการคนละครึ่งได้ โดยหลอกให้ผู้เสียหาย
ดาวน์โหลดลิงก์ที่มิจฉาชีพแอบอ้าง เมื่อผู้เสียหายดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว ได้ให้ผู้เสียหายไปยืนยันข้อมูล
ส่วนตัว และพบว่าต่อมาเงินในบัญชีธนาคารของตนเองถูกโอนออกไปเป็นเงินรวมกว่า 2.5 หมื่นบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนจับกุม นางสาวจันทร์สุรีย์ อายุ 27 ปี ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า
ในขบวนการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ที่ 94/2568 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2568
สอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างน้องสาวของตนเองได้ขอยืมบัญชีธนาคารจะไปทำ
ธุรกิจออนไลน์ แต่มาทราบภายหลังถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการ
มิจฉาชีพนี้ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 24 : กก.4 บก.สอท.5 รวบหนุ่มนคร ครอบครองปืนเถื่อน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจชุด Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้ตรวจสอบพบการกระทําความผิดเกี่ยวกับ
อาวุธปืนผิดกฎหมายทางออนไลน์ โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น โดยศาลจังหวัด
นครศรีธรรมราช ได้อนุมัติหมายค้นที่ ค.๖๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๕ มี.ค.๖๘ ให้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่
ม.11 ต.กรุงชิง อ.นบพิตํา จ.นครศรีธรรมราช
จากการตรวจค้น พบนายอดิศักดิ์ อายุ 37 ปี พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และตรวจค้นพบของกลาง
เป็นอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ที่สามารถใช้ยิงกับกระสุนขนาด .22 นิ้ว ไม่มียี่ห้อผู้ผลิต ไม่มีหมายเลขประจำปืน
ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก อยู่ภายในห้องนอน
เบื้องต้น นายอดิศักดิ์ ยอมรับว่าอาวุธปืนของกลางที่พบเป็นของตนเองจริง โดยซื้อมาจากผู้ค้าซึ่งไม่ทราบชื่อ
และนามสกุลจริง ในราคา 4,000 บาท ตั้งแต่ประมาณ 10 ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืน
ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน”
ปฏิบัติการที่ 25 : กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. :
รวบแอดมินกลุ่มลับขายคลิปอนาจารเด็ก
สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท.ได้รับแจ้งจากสายลับไม่
ประสงค์ออกนาม ว่าพบมีการประกาศโฆษณาเชิญชวนให้เข้ากลุ่มลับในไลน์เพื่อดูสื่อลามกอนาจารเด็ก โดยมี
ค่าสมัครสมาชิกในการเข้ากลุ่มจำนวน 200 บาท เมื่อเข้ากลุ่มไปแล้วพบภาพและคลิปวิดีโอลามกอนาจารของ
เด็กจำนวนมากอยู่ในโน้ตและอัลบั้มของกลุ่มไลน์ จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายคือนายรณฤทธิ์ฯ อายุ 30 ปี
และปัจจุบันอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพฯ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขออนุมัติออก
หมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำหมายจับ
ศาลอาญา ที่ 6412/67 ลงวันที่ 27 ธ.ค. 2567 จับกุมตัว นายรณฤทธิ์ฯ อายุ 30 ปี ในความผิดฐาน
“ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชนในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อความ
ประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน มีไว้ นำเข้าหรือ
ยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำ
ให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก และทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจาร
เด็ก หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด” นำ
ตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
*********************************************
ขอขอบคุณที่เผยแพร่ข่าวสาร
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี