22 มิถุนายน 2025

หนังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

นังสื่อพิมพ์ อินไซด์โปลิคไทม์ – insidepolicetime.com

ตำรวจไซเบอร์ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์ และรวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”

1 min read

ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.
ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่
กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย.68 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ผิวพรรณ ผบช.สอท.,
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์
รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์ และรวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้

1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย

   – ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์ จำนวน 2 รา

2. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย

รวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ” จำนวน 1 ราย

จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย

ปฏิบัตการที่ 1 :  กก.2 บก.สอท.3 ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ร่วมกับ กก.ปพ.บก.สส.ภ.4 ได้สืบสวนพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง
ได้โพสต์ข้อความลงกลุ่มสาธารณะซื้อขายอาวุธปืนที่ประชาชนทั่วไปสามารเข้าถึงข้อมูลได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวเข้าในกลุ่มและทดลองติดต่อขอซื้ออาวุธปืนจากบัญชีเฟซบุ๊กรายดังกล่าว ผ่านแอพลิเคชัน Messenger
และตกลงซื้อขายอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก ในราคา 21,000 บาท

ต่อมา ...พิษณุ กินกิ่ง สว.กก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย
และวางกำลังซุ่มรออยู่บริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งถึงเวลาที่นัดหมาย นายเจี๊ยบและนายสิงห์ (ทราบชื่อภายหลัง) ได้ขับขี่รถยนต์เก๋งสีแดงเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่นจ.ขอนแก่น แล้วได้โทรศัพท์แจ้งให้ไปพบที่รถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวเป็นลูกค้าจึงได้เข้าพบและขอตรวจสอบสินค้าอาวุธปืนดังกล่าว ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายลับกำลังตรวจสอบอาวุธปืน นายเจี๊ยบได้ขับรถออกมาด้านหน้าปั๊มน้ำมัน โดยมีเจ้ากน้าที่ตำรวจสายลับนั่งมาด้วย เมื่อสายลับตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนจริง จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมที่จอดรถซุ่มดอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม

ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่พยานยามเข้าควบคุมตัว นายเจี๊ยบกลับไหวตัวทัน จึงรีบถอยรถยนต์เพื่อจะหลบหนี
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถยนต์ จำนวน 3 คันเข้าปิดกั้นเพื่อสกัดรถผู้ต้องหาทั้งทางด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ทำให้เกิดการเชี่ยวชนกันระหว่างรถเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถนายเจี๊ยบ สุดท้านนายเจี๊ยบไม่สามารถขับรถหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวได้ในที่สุด

จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. (ดัดแปลงมาจากปืนบีบีกัน) จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ACP จำนวน 1 นัด และซองแม็กกาซีนกระสุนปืน จำนวน 4 อัน

สอบถามนายเจี๊ยบและนายสิงห์ ยอมเปิดเผยว่า ของอาวุธปืนของกลางกระบอกที่ 1 ได้ซื้อมาในราคากระบอกละ 6,000 บาท จากชายรายหนึ่งที่เคยทำงานร่วมกัน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ส่วนอาวุธปืนกระบอกที่ 2 ได้ซื้ออาวุธปืนบีบีกันจากร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่นจ.ขอนแก่น ในราคา 2,800 บาท และได้สั่งลำกล้องกับสไลด์ปืนทางออนไลน์มาจากจังหวัดแพร่ แล้วนำมาดัดแปลงประกอบเป็นอาวุธปืน โดยได้ศึกษาวิธีการจากช่างที่มีความรู้เรื่องการดัดแปลงอาวุธปืนในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ผ่านกลุ่ม LINE กลุ่มหนึ่ง จนสามารถดัดแปลงใช้งานได้จริงกับกระสุน
ขนาด 9 มม. จากนั้นจึงนำมาขายในราคากระบอกละ จำนวน 20,000 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ นายเจี๊ยบและนายสิงห์ ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน
ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งแหล่งที่มาของอาวุธปืนผิดกฎหมายดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์

ปฏิบัติการที่ 2 : กก.2 บก.สอท.2 รวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊กหลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”

สืบเนื่องจาก ได้มีประชาชนแจ้งเบาะแสผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าประเภทร้านค้าออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน
“ทางรัฐ” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสืบสวนพบบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่ “บุหรี่ไฟฟ้า มาบตาพุด ห้วยโป่งระยอง (อุปกรณ์ครบคัน)”  ได้โพสต์โฆษณาจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการตั้งค่าบัญชีเป็นสาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท. 2 ได้ทดลองติดต่อขอซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากเฟซบุ๊กดังกล่าว ปรากฎว่าได้รับสินค้าตามที่ทดลองสั่งซื้อจริง จึงได้สืบสวนย้อนไปยังแหล่งที่มาและเส้นทางการขนส่งของพัสดุดังกล่าว จนพบหลักฐานว่า
ได้มีนางสาวธีราภรณ์ ได้ใช้บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนวัดมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
เป็นสถานที่เก็บซุกซ่อนเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นต่อศาล

ต่อมา พ.ต.ท.ศุภณัฎฐ์ เกตุแก้ว สว.กก.2 บก.สอท.2 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาตาพุด ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดระยองที่ 94/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง บริเวณถนนวัดมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง  พบนางสาวธีราภรณ์ อายุ 40 ปเป็นผู้พักอาศัยอยู่
ในบ้านและยินยอมนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น

ผลการตรวจค้นพบ เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง จำนวน 164 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว จำนวน 3 เครื่อง, หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 30 ชิ้น และน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 72 ขวด และอุปกรณ์แพ็กกล่องพัสดุ
และเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในการกระทำความผิดวางอยู่ภายในห้องโถงภายในบ้านหลังดังกล่าว

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแท็บเล็ต ยี่ห้อ Apple รุ่น iPad 9 พบว่ามีการลงชื่อเข้าใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ“บุหรี่ไฟฟ้า
มาบตาพุด ห้วยโป่งระยอง (อุปกรณ์ครบคัน)” นางสาวธีราภรณ์ฯ จึงยอมรับว่าของกลางที่ตรวจพบนั้นเป็นของตนจริง โดยจำหน่ายให้ลูกค้าทั่วไปผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเปิดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีหน้าร้าน แต่เนื่องจากเมื่อประมาณช่วงเดือน ก.พ.68 ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกวดขันจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ   ตนจึงปรับเปลี่ยนวิธีการจำหน่ายสินค้ามาเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์แทน โดยเป็นผู้แพ็พัสดุและเป็น
ผู้จัดส่งพัสดุให้ลูกค้าด้วยตนเองทุกครั้ง ซึ่งเพิ่งขายออนไลน์มาประมาณ 3 เดือน มีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50,000 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจ้งข้อกล่าวหา “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” และ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้
โดย ประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร” นำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมสืบสวนขยายผลไปยังแหล่งที่มาของบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวต่อไป

********************************************

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed