สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พํานักอาศัย อยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน
1 min readตามนโยบายของ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พํานักอาศัย อยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด
ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.,พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พรรณศักดิ์ วรวิบูลย์สวัสดิ์ รอง ผบก.สศป.ฯ ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดํารงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1.บก.สส.สตม. รวบเยอรมันแก๊ง Hell angles ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามที่ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดําเนินการกรณี สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ขอให้ส่งตัวนายเด็น (นามสมมติ) สัญชาติเยอรมัน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนําตัวไปรับโทษตามคําพิพากษาในความผิดอาญาฐานทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทํา ร้ายได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญาสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยอัยการสูงสุดได้ยื่นคําร้องขอศาล อาญาออกหมายจับนายเด็นไว้แล้ว
กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามนายเด็นเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. นายเด็นเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่าคนอยู่ชั่วคราว (NON-90) และได้รับการ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 12 ก.ค.2567 จากการสืบสวนทราบว่า นายเด็นหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงราย ชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูจนพบบุคคลที่มีลักษณะคล้ายนายเด็น จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจและ ขอทําการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับศาลอาญา จึงได้แสดงหมายจับและนําตัว ส่งสํานักงานอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศเพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
พฤติการณ์การกระทําความผิด นายเด็นเป็นสมาชิกแก๊งมอเตอร์ไซค์นอกกฎหมาย “Hells Angels” ในเมืองคีล สาธารณรัฐเยอรมนี ร่วมกับพวก 2 คน ลอบทําร้ายผู้เสียหายที่บริเวณสระว่ายน้ําสาธารณะในเมืองคีล โดยให้แฟนสาว ของตนทําหน้าที่เป็นนกต่อ เพื่อให้ผู้เสียหายสนใจและเข้าไปที่สระว่ายน้ํา และฉวยโอกาสทําร้ายผู้เสียหายโดยยิงที่ต้นขา ซ้าย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
2.บก.สส.สตม. รวบ 3 ผู้ต้องหา แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ของอินโดนีเซีย หนีซุกไทย
สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจําประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาราย สําคัญซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียได้เพิกถอนหนังสือเดินทางอินโดนีเซีย จํานวน 3 ราย คือ
1.นายสตีเว่น 2.นายวายู 3.นางพิสก้า
(นามสมมติ) (นามสมมติ) (นามสมมติ)
อายุ 28 ปี อายุ 30 ปี อายุ 26 ป
บุคคลตามหมายจับรัฐบาลอินโดนีเซียกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และพากันหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้เดินทางเข้ามาใน ประเทศไทย ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้
เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออก หมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังไว้ และสั่งการ ให้ กก.ปอพ.บก.สส.สตม.สืบสวนติดตามจับกุมร่วมกับ บช.ปส.
เพื่อนําตัวมาดําเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายวายูและนางพิสก้า หลบหนีมาอาศัยอยู่บริเวณคอนโด พื้นที่บางกะปิ กทม. จึงได้ ร่วมกันเข้าตรวจสอบ พบบุคคลซึ่งมีตําหนิรูปพรรณเหมือนกับนายวายูและนางพิสก้า จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จึงแจ้งหนังสือ เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนําตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดําเนินการต่อไป
ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามบุคคลที่เหลือนั้น ได้รับแจ้งจาก ตม.จว.จันทบุรี ว่าได้มีบุคคลต่างด้าวชื่อ นายสตีเว่น สัญชาติ อินโดนีเซีย กําลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ขึ้นทะเบียน เป็นบุคคลเฝ้าระวัง จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า เป็นนายสตีเว่น บุคคลเดียวกันกับที่ บก.สส.สตม.ได้เพิกถอน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไว้ จึงได้ร่วมกันนําตัว นายสตีเว่น ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดําเนินการต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับว่าได้วางแผนเดินทางเข้ามาหลบซ่อนในประเทศไทยในลักษณะ ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว และให้แยกย้ายกันหลบซ่อนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับพร้อมกัน และมีการติดต่อกันผ่าน แอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการโทรผ่านอินเตอร์เน็ต
3.สืบ ตม.3 จับกุม “แก้วเขาดิน” เครือข่ายขนคนรายใหญ่ พื้นที่สระแก้ว
กก.สส.บก.ตม.3 ตรวจสอบในสื่อสังคมออนไลน์พบว่า มีชาวกัมพูชา เรียกกันทั่วไปว่า นางแก้ว (นามสมมติ) ประกอบกิจการรถตู้ในพื้นที่ใกล้ด่านชายแดน อ.คลองหาด จว.สระแก้ว ใช้สื่อสังคมออนไลน์ประกาศเชิญชวนลูกค้า ชาวกัมพูชา ว่าสามารถพาคนกัมพูชาเดินทางเข้าออก-ออกประเทศไทยผ่านชายแดนกัมพูชาได้อย่างสะดวก และมีข้อมูล เชิงลึกว่า เครือข่ายของนางแก้วยังลักลอบขนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผ่านช่องทางที่ผิดกฎหมายด้วย จึงได้วางแผนจับกุม แก้วมาดําเนินคดีตามกฎหมาย
กก.สส.บก.ตม.3 ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมนางแก้วมาโดยตลอด จนกระทั่งต่อมาได้ตรวจสอบพบว่า จะมีการ ลักลอบขนคนจํานวนมาก จากพื้นที่ ต.คลองหาด จว.สระแก้ว เข้ามาใน กทม. โดยในครั้งนี้คาดว่านางแก้วได้เดินทางมา ด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อเดินทางมาถึง ถนนหมายเลข 3259 บริเวณหน้าหน่วยพิทักษ์ ป่าซับวัวแดง ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จว.สระแก้ว พบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กทม. และรถยนต์ตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน จว.ระยอง ขับอยู่บนถนน ลักษณะคล้ายกับรถยนต์ตู้ที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ของนางแก้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ไล่ติดตามและเรียกให้หยุดรถ แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อขอตรวจสอบรถยนต์ตู้ทั้ง 2 คัน ดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบว่า
1.รถยนต์ตู้ทะเบียน จว.ระยอง
1.1 นายประดิษฐ์ (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นผู้ขับรถ
1.2 คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จํานวน 5 ราย เดินทางเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมายทั้งหมด
2.รถยนต์ตู้ทะเบียน กทม.
2.1 นายมนตรี (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นผู้ขับรถ
2.2 นายบําเหน็จ (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นผู้โดยสารและเจ้าของรถ
2.3 นายชานนท์ (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นผู้โดยสาร
2.4 คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จํานวน 5 ราย เดินทางเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย 4 ราย และถูก
กฎหมาย 1 รายซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นบุคคลเดียวกับหญิงสาวในสื่อสังคมออนไลน์ชื่อนางแก้ว จากการสอบถามคนต่างด้าวทั้งหมดให้การว่า นางแก้วและนายชานนท์จะทําหน้าที่ติดต่อประสานงานพาคน ต่างด้าวชาวกัมพูชาโดยสารรถยนต์ตู้เข้ามาในประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน เพื่อมาทํางานใน ประเทศไทย โดยคนต่างด้าวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับนางแก้วรายละ 3,500 บาท ในขบวนการนี้มี นายบําเหน็จ, นาย มนตรี และนายประดิษฐ์ ทําหน้าที่ ขับรถรับ-ส่งคนต่างด้าวจากชายแดน จว.สระแก้วไปส่งที่ กทม. ซึ่งนายชานนท์จะ แบ่งรายได้ให้กับผู้ทําหน้าที่ขับรถ รายละ 1,000 บาทต่อคน สําหรับคนต่างด้าวที่เอกสารไม่ถูกต้อง ซึ่งคนขับรถจะทราบ ดีว่าคนต่างด้าวชาวกัมพูซาที่โดยสารรถของตนจะไม่มีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารประจําตัวไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา คนไทยทั้ง 4 รายและนางแก้วว่า ร่วมกันให้การช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือรับไว้ด้วยประการ ใดๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนคนกัมพูชา 9 รายแจ้ง ข้อกล่าวหาว่า เป็นบุคคล
ต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นําส่ง พงส.กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิดใน ด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานั กงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตําบล บ้านใหม่ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง